นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานกรรมการบริหาร บมจ.ช.การช่าง(CK) ตั้งเป้าปี 53 รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับกำไรที่จะเติบโตขึ้น จากอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)สูงขึ้นมาที่ไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่ในปี 52 อยู่ในระดับต่ำกว่านี้ และขณะนี้มีงานในมือ(backlog)มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท
บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีงานใหม่เพิ่มเข้ามามูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยภายในไตรมาส 3/53-ไตรมาส 4/53 บริษัทน่าจะได้เซ็นสัญญารับงานโครงการเขื่อนไซยะบุรี ประเทศลาว มูลค่าประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท อายุการก่อสร้าง 8 ปี กำลังผลิต 1,260 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาผู้ร่วมทุนในโครงการดังกล่าว โดยจะสรุปเลือก 2-3 รายจากที่เจรจาอยู่ 5-6 ราย
นายปลิว กล่าวว่า ในช่วงกลางปีนี้จะจัดตั้งบริษัท ไซยะบุรี เพื่อเข้ามารองรับงานดังกล่าว ด้วยทุนจดทะเบียน 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งทาง CK และบริษัทในเครือจะเข้าถือหุ้นเกิน 50% ที่เหลือจะเป็นรัฐบาลลาวและพันธมิตร 2 หรือ 3 ราย ขณะนี้มีการเจรจากับผู้ที่สนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวมีพันธมิตรจากญี่ปุ่นร่วมอยู่ด้วย
"งานไซยะบุรีเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมา 38 ปี ถือว่างานนี้เป็นโครงการใหญ่มาก แล้วกว่าจะคุ้มทนต้องใช้เวลากว่า 10 ปี"นายปลิว กล่าว
ส่วนโครงการน้ำบาก 1-2 คาดว่าต้องเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไปก่อน เนื่องจากต้นทุนค่าไฟฟ้าสูงกว่าไซยะบุรีที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเนื่องจากมีกำลังการผลิตค่อนข้างมาก
นายปลิว กล่าวว่า บริษัทยังจะเข้าประมูลงานในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้ง 5 สัญญา โครงการถไฟฟ้าสีแดงเข้ม(รังสิต-บางซื่อ) 3 สัญญา คาดว่าจะประกาศขายแบบได้ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า รวมทั้ง สายสีเขียวอ่อน(บางซื่อ-สะพานใหม่)และสีเขียวเข้ม(แบริ่ง-สมุทรปราการ)
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/53 มีงานที่รอเซ็นสัญญา ได้แก่ โรงไฟฟ้า SPP บางปะอิน มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทได้สัมปทานขายไฟฟ้า 25 ปี, งานของกรมชลประทานอีก 1.8 พันล้านบาท
นายปลิว กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าจะใช้เงินทุนประมาณ 1,600 ล้านบาทสำหรับรองรับโครงการต่าง ๆ ที่จะเข้าประมูลและการลงทุนในด้านต่างๆ โดยส่วนหนึ่งจะมาจากการเพิ่มทุน 1 พันล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินขายหุ้น TTW ในล็อตแรก 150 ล้านหุ้นเมื่อปลายปีก่อน มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีกำไรประมาณ 330 ล้านบาท
ขณะที่การเสนอขายหุ้น TTW อีก 30 ล้านหุ้น มีผู้สนใจแล้ว 6-7 ราย และอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะขายในราคาใหม่ จากล็อตแรกที่ขายในราคาหุ้นละ 4.30 บาท ซึ่งบริษัทมีต้นทุนอยู่ที่ 2.00 บาท/หุ้น คาดว่าจะได้ข้อยุติในการขายหุ้นล็อตนี้ประมาณไตรมาส 1/53
ด้านนายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการ CK คาดว่า บริษัทจะขายหุ้นเพิ่มทุนได้ทั้งหมด เพราะเป็นการขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และให้ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อเกินสิทธิได้ ขณะที่บริษัทไม่ได้เพิ่มทุนมา 4-5 ปีแล้ว
การเพิ่มทุนครั้งนี้นอกจากจะเป็นการระดมทุนในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังเป็นโอกาสการขยายฐานทุนให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต และเตรียมเงินกู้ไว้สำหรับงานใหม่ที่จะเข้ามาด้วย
อนึ่ง วันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น CK อนุมติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 206,573,167 หุ้น เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วนการจัดสรร 7 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาหุ้นละ 5.34 บาท กำหนดวันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนและรับชำระเงิน 22-26 ก.พ.53