โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น SCB พื้นฐานยังแกร่ง-เล็งผลประกอบการฟื้นดีปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 20, 2010 14:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มองผลประกอบการปี 53 ฟื้นตัวคาดสินเชื่อขยายตัว 5-6% จากปี 52 ที่เติบโตแค่ 2% และปีนี้คุณภาพสินทรัพย์ก็น่าจะดีขึ้นด้วย NPL ratio ปีนี้คงอยู่ที่ 4.4% ทรงตัวจากปีก่อน ส่วนตัวเลข NIM คาดปรับขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 3.55% ในปี 52 มาอยู่ในช่วง 3.6-3.66% ในปี 53

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 22,800-23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่ประกาศกำไรสุทธิ 20,800 ล้านบาท อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของ SCB ในปีนี้ก็อาจจะมีปัจจัยเสี่ยงจากการเมืองในประเทศได้เหมือนกัน

อนึ่ง SCB และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/52 มีกำไรสุทธิ 4.78 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.41 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.98 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.62 บาท

ทั้งปี 52 มีกำไรสุทธิ 2.08 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิ 2.14 หมื่นล้านบาท

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          JP Morgan                    ซื้อ                 110.00
          Credit Suisse                ซื้อ                 106.00
          Citigroup                    ซื้อ                 100.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา                ซื้อ                 102.00
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)           ซื้อ                 101.50
          บล.เอเชีย พลัส                 ซื้อ                  94.30
          บล.นครหลวงไทย                ซื้อ                  93.50
          บล.ทิสโก้                      ซื้อ                  92.00
          บล.ธนชาต                     ซื้อ                  97.00
          บล.ทรีนีตี้                      ซื้อ                  99.00
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)          ซื้อเมื่ออ่อนตัว          99.00
          บล.กสิกรไทย                   Neutral             94.00

นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะ"ซื้อ"หุ้น SCB เนื่องจากตามปัจจัยพื้นฐานในปี 53 มองว่าสินเชื่อน่าจะมีการเติบโตขึ้นราว 6% จากปี 52 ที่สินเชื่อเติบโตเพียง 2% และคุณภาพสินทรัพย์ในปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นด้วย หากมองที่ตัวเลข NPL งวดไตรมาส 4/52 ปรับตัวลง 5,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/52 และ ณ สิ้นปี 52 ก็มีตัวเลข NPL ที่ 45,000 ล้านบาท คิดเป็น NPL ratio ที่ 4.4% ซึ่งปีนี้ก็คาดว่า NPL ratio น่าจะอยู่ที่ระดับ 4.4% เช่นกัน

นอกจากนี้ ในส่วนของตัวเลข NIM ปีนี้ก็คาดว่าจะมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาที่ 3.6% จากระดับ 3.55% ในปี 52 เป็นผลจากที่มองว่าสินเชื่อจะเติบโตขึ้น และอัตราดอกเบี้ยน่าจะดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของ SCB ในปีนี้อาจมีปัจจัยเสี่ยงจากการเมืองในประเทศได้เหมือนกัน พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 22,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 20,800 ล้านบาท

น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น SCB เนื่องจากสินเชื่อยังขยายตัวได้ในไตรมาส 4/52 แม้ว่าผลประกอบการจะออกมาลดลงเล็กน้อย แต่ปี 53 ก็เชื่อว่าน่าจะยังมีการขยายตัวของสินเชื่อได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้บริหาร SCB เองก็ออกมาบอกว่าปีนี้จะมีการรุกธุรกิจให้มากขึ้น ก็น่าจะทำให้สินเชื่อขยายตัวได้ดี โดยคาดว่าสินเชื่อปีนี้ของ SCB น่าจะเติบโต 5-6% พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 22,962 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ขณะนี้กำลังรอที่จะออกไป visit กับทาง SCB ในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นอาจจะมีการปรับประมาณการอีกครั้ง

น.ส.สิริณัฎฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนะนำหุ้น SCB เพียงแค่ Neutral ด้วยราคาเป้าหมาย 94 บาท/หุ้น เนื่องจากผลประกอบการปี 52 ออกมาไม่ค่อยดีนัก มีการเติบโตของสินเชื่อ แต่ในส่วนของรายได้จากอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ในปี 53 มองว่า SCB จะมีการฟื้นตัวดีขึ้น เป็นไปตามกลุ่มแบงก์โดยรวมที่คาดว่าปีนี้(2553)จะเติบโตได้มากกว่า 10% โดยคาดว่า SCB ปีนี้จะมีกำไรสุทธิประมาณ 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปี 52

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุว่า SCB รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/52 กำไรสุทธิต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 2.6% และ 1.7% ตามลำดับ คิดเป็นการลดลงจากไตรมาสก่อน 8.0% qoq สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่สูงขึ้นตามฤดูกาล ไม่มีรายได้พิเศษเงินปันผลรับจากกองทุนวายุภักษ์ และกำไรจากการปริวรรตเงินตราที่น้อยลง

สำหรับผลกำไรปี 52 ลดลง 3.1% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของสินเชื่อ และ NIM ที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งปีแรก ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 53 จึงคาดว่าสินเชื่อของ SCB จะขยายตัว 6% yoy สอดคล้องกับเป้าหมายอย่างไม่เป็นทางการของธนาคารที่ 5-7%yoy

โดยรวมแล้วยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ SCB จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม การมี ROE สูงสุดในกลุ่ม รวมถึงฐานเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง จากผลประกอบการไตรมาส 4/52 และปี 52 ที่โดยรวมออกมาเป็นเชิงลบ มองว่านับเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้น ดังนั้น ยืนยันคำแนะนำ“ซื้อเมื่ออ่อนตัว"โดยให้มูลค่าที่เหมาะสมที่ 99 บาท/หุ้น

บล.เอเชีย พลัส แนะ"ซื้อ"หุ้น SCB คาด EPS ปี 53 จะพลิกกลับมาเติบโตถึง 10.3%yoy จากกลยุทธ์ธุรกิจของธนาคารฯ ที่ตั้งเป้าสินเชื่อสุทธิเติบโตสูงกว่า GDP ราว 1.5-2 เท่า โดยจะเน้นการเติบโตเชิงรุกมากขึ้นของกลุ่มสินเชื่อ SME ซึ่งได้ชะลอตัวไปตามภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่ม SME รายกลาง-เล็กที่ให้ผลตอบแทนสูงอีกทั้งไม่ได้เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของธนาคารฯ ในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งจะเห็นการรุกตลาดเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งกลับคืนมามากขึ้น ล้วนเป็นผลบวกต่อ NIM ปี 53 ที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.66%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ