นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ทุนธนชาต(TCAP)กล่าวว่า แผนเข้าซื้อธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) ซึ่งอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence น่าจะทราบผลภายในไตรมาส 1/53
สำหรับแผนงานดำเนินงานของบริษัทในปี 53 TCAP จะใช้ธนาคารธนชาตเป็นแกนหลักในการทำธุรกิจด้วยความแข็งแกร่งต่อไป โดยจะให้ความสำคัญกับธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ธนาคารฯ มีความถนัดและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ และจะรักษาความเป็นผู้นำและส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 20% ให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ หรือ"รถแลกเงิน" มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนเงินให้สินเชื่อในประเภทอื่นๆ ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งสินเชื่อธุรกิจ (Corporate Loan) สินเชื่อ SMEs สินเชื่อส่วนบุคคล
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 52 TCAP และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ จำนวน 5,109 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 17.1% และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ เท่ากับ 1.2%
"ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูง เนื่องมาจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวนและกระทบมาถึงประเทศไทย" นายศุภเดช กล่าว
ส่วนงบการเงินรวมของธนาคารธนชาต หรือ TBANK ในปี 52 มีกำไรสุทธิจำนวน 4,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,187 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 117% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนชาต ที่ประกอบด้วย ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจจัดการกองทุน ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต รวมถึงธุรกิจสนับสนุนอื่น
ตลอดจนการร่วมมือกับพันธมิตรสโกเทียแบงก์จากแคนาดา ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 52 เติบโตขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ ปัจจุบันธนาคารธนชาตและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม 4.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เป็นอันดับ 7 ในระบบธนาคารพาณิชย์ จากก่อนหน้านี้ที่อยู่ในอันดับ 8 โดยผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในปี 52 เท่ากับ 17.0% และผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เท่ากับ 1.1%