(เพิ่มเติม) STEC คาดปี 53 กำไรโตไม่ต่ำกว่าปีก่อน,ลุ้นได้งานใหม่ 1.5-2 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 20, 2010 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการ สายงานการเงิน บมจ.ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)และบริหาร คาดว่า ในปี 53 บริษัทน่าจะได้งานใหม่มูลค่า 1.5-2.0 หมื่นล้าน จากแผนงานที่จะเข้าร่วมประมูลงานในประเทศมูลค่า 5-6 หมื่นล้านบาท

วันนี้ บริษัทได้เซ็นสัญญารับงานในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 2 มูลค่างาน 1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับมูลค่างานคงค้างในมือ ณ สิ้นปี 52 จำนวน 7 พันล้านแล้ว จะทำให้มีงานในมือเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานทั้ง 5 สัญญาของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินด้วย

นอกจากนั้น ยังมีงานที่สามารถประมูลได้และรอเซ็นสัญญาในไตรมาส 1/53 ได้แก่ งานของกรมชลประทาน มูลค่า 1.2 พันล้านบาท และงานของศาลฎีกา มูลค่า 2.5 พันล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่วนงานโรงไฟฟ้า IPP คาดว่าปีนี้จะมีการก่อสร้างอย่างน้อย 1 โรง ที่เลื่อนจากปีก่อน มูลค่าประมาณ 3-4 พันล้านบาท

นายวรพันธ์ คาดว่า กำไรสุทธิของบริษัทไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว เพราะอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ดีกว่าปี 52 เนื่องจากงานเก่าที่ไม่มีกำไรอย่างแอร์พอร์ตเรลลิงค์ได้แล้วเสร็จลงไปตั้งแต่ พ.ย.52 และงานศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เหลือเพียง 100-200 ล้านบาท

ในแง่รายได้ปี 53 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงปี 52 เนื่องจากการเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีม่วงล่าช้าออกไปกว่าที่คาด ซึ่งจะเริ่มก่อสร้าง 2/53 ทำให้ปีนี้จะรับรู้รายได้เพียง 3-4 พันล้านบาท และปี 54 จะรับรู้รายได้เต็มทั้งปี 4 พันล้านบาท โดยมีอายุโครงการ 3 ปีครึ่ง

ด้านนายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการ STEC กล่าวว่า หลังจากบริษัทลงนามงานก่อสร้างโครงสร้างยกระดับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญาที่ 2 ระยะทาง 12 กม. จำนวน 8 สถานี โดยบริษัทมีระยะเวลาก่อสร้าง 1,350 วัน

จากนี้ก็จะติดต่อซัพพลายเออร์ ได้แก่ ผู้ผลิตปูนซิเมนต์ ซึ่งบริษัทที่เคยสั่งซื้อได้แก่ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP), บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC), บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และ บมจ.ทีพีไอโพลีน (TPIPL) รวมทั้งติดต่องานเสาเข็ม ได้แก่ บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) และ บมจ. ไพลอน (PYLON) โดยมองว่าช่วงนี้ราคาวัสดุก่อสร้าง ยังไม่ปรับตัวขึ้นแต่ก็คาดว่าครึ่งปีหลังอาจมีโอกาสปรับสูงได้หากมีงานก่อสร้างจำนวนมากเกิดขึ้น

"รับรองงานนี้ (สายสีม่วงสัญญา2 ) ไม่เหมือนงานแอร์พอร์ตลิงค์ที่ไม่มีกำไรเลย งานนี้เบิกจ่ายได้ตามงานที่เสร็จทุกเดือน และยังมีเงินล่วงหน้าให้ 10% มีค่า K.. งานนี้จะใช้ทีมงานที่ทำแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งทีมงานมีความสุขขึ้น" นายวัลลภ กล่าว

*รอประเมินสถานการณ์ครึ่งหลังปี 53 ก่อนตัดสินใจเพิ่มทุน

กรรมการผู้จัดการ STEC กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มทุน เพราะปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือ 700 ล้านบาท เพียงพอการซื้อวัสดุก่อสร้าง แต่หากบริษัทประมูลได้งานเข้ามาจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ ได้แก่ โครงการก่อสร้างงานโยธารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และ ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ โดยหากประมูลได้มากกว่า 1 สัญญา จากทีเข้าประมูลทั้ง 5 สัญญา ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มทุนเพื่อรองรับงานในอนาคต

"รอ 6 เดือนก่อนรอประเมินอีกครั้งว่าจะเพิ่มหรือไม่เพิ่ม รอทำตัวเลขประมาณการอีกครั้ง ถ้าได้สายสีน้ำเงินเพิ่มมากกว่า 1 สัญญา และสายสีแดงก็จะประกาศประมูลปลายปีนี้อีก แต่ตอนนี้บริษัทไม่มีหนี้สินทางการเงินกับแบงก์ เราก็ยังเป็นบริษัทที่มีฐานะแข็งแกร่งอยู่"นายวัลลภ กล่าว

นอกจากนี้ นายวัลลภ กล่าวว่า ในกลางเดือน มี.ค.53 คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดปี 52 หลังจากที่บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมได้แล้ว โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผล 40% ของกำไรสุทธิ

"เราเพิ่งฟื้นไข้ หลังจากที่งานแอร์พอร์ต์ลิงค์หมดไป และงานศูนย์ราชการก็เหลือไม่มาก โดยส่วนที่เหลือมูลค่า 400 ล้านบาท ไม่ขาดทุน แต่จะจ่ายปันผลเท่าไหร่ก็ขึ้นกับบอร์ดเป็นผู้พิจารณา" นายวัลลภ กล่าว

ทั้งนี้ STEC ไม่ได้จ่ายเงินปันผลมา 2 ปีแล้ว (ปี 50-51) หลังจากประสบผลขาดทุนจากโครงการสร้างแอร์พอร์ตลิงค์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ