ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 122.28 จุด จากข่าวจีนคุมเข้มการปล่อยกู้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 21, 2010 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่าการที่จีนใช้มาตรการคุมเข้มด้านการปล่อยกู้จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บิสิเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) และมอร์แกน สแตนลีย์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 122.28 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 10,603.15 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 12.19 จุดหรือ 1.06% ปิดที่ 1,138.04 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 29.15 จุด หรือ 1.26% ปิดที่ 2,291.25 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.1 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันอังคารที่ 1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1

นักวิเคราะห์จากบริษัท ไอจี มาร์เก็ตส์ ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นเพราะวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่งตามที่มีการประเมินกันไว้ในเบื้องต้น หลังจากคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีนได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์ บางส่วนจำกัดการปล่อยเงินกู้ พร้อมกับประกาศเป้าหมายการปล่อยกู้ภายในประเทศเอาไว้ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน หรือ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ และจะยังคงควบคุมระดับการขยายตัวและปริมาณสินเชื่อในปีนี้

ธนาคารกลางจีนเผยยอดการปล่อยเงินกู้เดือนธ.ค.ปี 2552 เพิ่มขึ้นแตะ 3.798 แสนล้านหยวน หรือ 5.56 หมื่นล้านดอลลาร์ จากยอดการปล่อยกู้เดือนพ.ย.ที่ 2.94 แสนล้านหยวน ซึ่งปริมาณการปล่อยกู้ที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ส่งผลให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในจีนปี 2552 พุ่งขึ้น 75.5% แตะระดับ 4.4 ล้านล้านหยวน หรือ 6.44 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังหนุนราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 7.8% ในเดือนธ.ค.2552 ทำสถิติพุ่งขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบ 18 เดือน ทำให้ที่ประชุมเศรษฐกิจโลกออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจจีนอาจขยายตัวร้อนแรงเกินไป และภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์และเงินเฟ้อของจีนกำลังสร้างความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักหลังจากธนาครกลางจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ 0.5% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ นับเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551

นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังต่อผลประกอบการของ IBM โดยเมื่อวานนี้ IBM เปิดเผยว่า ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ยอดขายด้านการบริการคอมพิวเตอร์ในภาคธุรกิจ ซึ่งรวมถึงบริการให้คำปรึกษา ลดลง 2.8% แตะที่ 4.58 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 4 ปี 2552

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไปปรับตัวขึ้นเป็น เดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.2% เนื่องจากราคาอาหารปรับตัวสุงขึ้น ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานทรงตัวในเดือนธ.ค.

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนธ.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

หุ้น IBM ร่วงลง 2.95% ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นลงคละเคล้ากันไป โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดบวก 17 เซนต์ แตะที่ 16.49 ดอลลาร์ แต่หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปิดร่วง 46 เซนต์ แตะที่ 27.82 ดอลลาร์ และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปิดลบ 53 เซนต์ แตะที่ 30.63 ดอลลาร์ หลังเวลส์ ฟาร์โกและยูเอส แบงคอร์ปปรายงานผลประกอบการรายไตรมาสดีเกินคาด แต่แบงค์ ออฟ อเมริกา รายงานยอดขาดทุนมากเกินคาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ