SCC คาดปี 53 ปริมาณการใช้ปูนในประเทศโต 5%, ธูรกิจกระดาษฟื้นตามส่งออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 21, 2010 10:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า ในปี 53 คาดว่าปริมาณการใช้ปูนซิเมนต์ทั้งอุตสาหกรรมจะเติบโต 5% จากการที่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชัดเจน สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จึงเชื่อว่าทำให้ยอดการใช้ปูนซิเมนต์ปีนี้น่าจะดีขึ้น

ขณะที่การใช้วัสดุก่อสร้างโดยรวมก็ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 4/52 และคาดว่าปี 53 จะดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจของริษัทในส่วนของกระดาษมีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดตามการฟื้นตัวของการส่งออกของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

นายกานต์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีนี้ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องความเชื่อมั่นและปัญหาการเมือง จึงต้องการเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนช่วยกันให้ปัญหาคลี่คลายโดยเร็ว

"หากการเมืองดีขึ้นภายใต้เศรษฐกิจที่ดีแล้วจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น...สัญญาณปีนี้ดี ธุรกิจของ SCC ในส่วนของกระดาษที่ไปใช้ทำกล่องสัมพันธ์กับตลาดเห็นชัดเจนว่าฟื้นตัว ส่วนยอดขายรถยนต์ก็ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 แม้ทั้งปี 52 จะติดลบ เพราะเศรษฐกิจครึ่งปีแรกไม่ดี แต่ปี 53 เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น"นายกานต์ กล่าว

ส่วนการระงับโครงการลงทุนในมาบตาพุดในส่วนของ SCC มีหลายโครงการที่ถูกระงับการลงทุน และขณะนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแล้ว 5 โครงการ โดยเป็นของบริษัท 4 โครงการ และอีกโครงการเป็นของบริษัท ดาวเคมีคัล ซึ่งโครงการที่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเป็นโครงการที่ลดมลพิษ น่าจะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนโครงการที่ถูกระงับอื่นๆ

ขณะที่มีบางโครงการที่ได้ลงทุนและเปิดโครงการไปแล้ว เนื่องจากได้ผ่านการอนุมัติรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 บังคับใช้ จึงเชื่อว่า 5 โครงการที่ยื่นต่อศาลฯ น่าจะได้รับพิจารณาเช่นกัน

"โครงการที่หยุดก่อสร้างตามคำสั่งศาล ซึ่งจะแล้วเสร็จอีก 1 ปีครึ่ง จะขอก่อสร้างต่อ เพราะเชื่อว่าเป็นโครงการไม่ได้ส่งผลกระทบด้านมลพิษ เคมี แต่อาจมีเรื่องฝุ่นจากการก่อสร้างซึ่งเป็นเรื่องปกติ " นายกานต์ กล่าว

ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นศาลปกครองสูงสุด ฟ้องนายกรัฐมนตรี และ ครม. และขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน และคุ้มครองชั่วคราวกรณีออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งองค์การอิสระแก้ปัญหามาบตามพุดไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าคณะกรรมการ 4 ฝ่ายได้พิจารณาเรื่องนี้ได้อย่างดี รัฐบาลดูแลรอบคอบแล้ว และทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหาจริงจัง

"ตอนนี้ไม่ต้องพูดว่าต่างชาติจะไม่ลงทุน หรือระงับลงทุน แต่เรายังให้ความสำคัญกับการดูแลชุมชนสูงสุด"นายกานต์ กล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ