บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์(SGP)ตั้งเป้าปี 53 กำไรและรายได้เติบโต 15% จากปี 52 ที่คาดว่าจะทำได้เกินเป้าเติบโต 15% เนื่องจากคาดว่าปริมาณความต้องการใช้ก๊าซเติบโตกว่า 10% ประกอบกับ คาดว่ารายได้จากการลงทุนในต่างประเทศจะรับรู้เข้ามาในปีนี้ทั้งจีนและเวียดนาม ขณะที่การเจรจาลงทุนในมาเลเซียสะดุดหลังเจ้าของธุรกิจเดิมเปลี่ยนใจ รอจังหวะหารายใหม่ ส่วนแผนลงทุนเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียยังเดินทางหาช่องทางอยู่ แต่ข้อเสนอยังไม่ถูกใจ
"ปีนี้คิดว่าเติบโต 15% ยอดขายโตจาก 1 ล้านตันเป็น 1.2 ล้านตัน ส่วนรายได้รวมเป็น 2 หมื่นกว่าล้านบาท...ภาพรวมปีนี้ดีขึ้น เริ่มมีเสถียรภาพ คิดว่าความต้องการก๊าซ LPG จะเติบโต 10 กว่า% ต่างจากปีที่แล้วราคา LPG ผันผวนเหมือนน้ำมัน"นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ SGP เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"
นายศุภชัย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจในเวียดนามและจีน โดยการเจรจาลงทุนในเวียดนามคาดว่าจะสรุปในเดือน ก.พ.นี้ และจะเริ่มรับรู้รายได้ทันที ส่วนในจีนคาดว่าดีลจบและรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/53 ทำให้โครงสร้างรายได้บริษัทจะมีสัดส่วนจากต่างประเทศ 20% ในปีนี้จากที่เคยมีไม่ถึง 10%
การลงทุนในเวียดนามคาดว่าจะทำรายได้ปีละ ประมาณ 2 พันล้านบาท/ปี โดยจะเน้นตลาดขายปลีกใช้ชื่อแบรนด์"ยูนิคแก๊ส" ซึ่งพบว่าตลาดเวียดนามยังมีความต้องการสูง และมีประชากรอยู่มากถึง 80 ล้านคน และมองว่าจะสามารถใช้เป็นฐานขยายการจำหน่ายก๊าซไปยังกัมพูชาได้
ขณะที่ในจีนที่บริษัทเข้าไปดำเนินการในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นมลฑลที่ใหญ่มาก คาดว่าความต้องการก๊าซเติบโตปีละ 5% หรือมีปริมาณราว 10 ล้านตัน โดยจะขายแบบค้าปลีกใช้แบรนด์"สยามแก๊ส" และค้าส่งด้วย ประมาณการว่าแต่ละปีจะมีรายได้จากจีนประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท หรือมียอดขายประมาณ 4.8 แสนตัน/ปี
อนึ่ง เมื่อ 30 ก.ย.52 มติบอร์ด SGP ให้ Siamgas HK Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าซื้อหุ้นสามัญของ Chevron Ocean Gas & Energy Ltd. ในสัดส่วน 99% เป็นเงิน 51 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ยอดขายจากต่างประเทศแม้จะมีปริมาณขายน้อยกว่า แต่จะได้ราคาก๊าซที่อิงกับราคาตลาดโลก โดยปัจจุบันอยู่ที่ 810 เหรียญ/ตัน จึงทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 20% ขณะที่ราคาขายในประเทศยังคงอยู่ที่ระดับ 330 เหรียญ/ตันจากนโยบายตรึงราคาของภาครัฐ และยอมรับว่าอัตรากำไรขั้นต้นในประเทศคงที่ในระดับ 10% เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องอาศัยยอดปริมาณขายมากจึงจะทำให้กำไรเติบโต
นายศุภชัย ยังกล่าวถึงการเจรจาเข้าไปขยายธุรกิจในมาเลเซีย ขณะนี้หยุดการเจรจาการลงทุนในบริษัทท้องถิ่นไปแล้ว เพราะเจ้าของเปลี่ยนใจไม่ขายกิจการ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังมีเจตนารมณ์ที่จขยายกิจการในเมาเลเซียด้วยการเข้าซื้อกิจการหรืออาจจะลงทุนเอง เพราะตลาดแก๊ส LPG มีโอกาสเติบโตและได้ราคาสูงกว่าขายในประเทศ ขณะนี้คงจะรอจังหวะที่ดีในการเจรจากับรายอื่น
ส่วนแผนลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ยังไม่ได้ยกเลิกไป เพียงแต่ขณะนี้ข้อเสนอที่ได้รับยังไม่ถูกใจ ยืนยันว่ายังมองการขยายธุรกิจเหมืองถ่านหิน เพราะมีสถานที่ใกล้ไทย และถ่านหินก็ยังเป็นพลังงานถูกกว่าน้ำมัน ปัจจุบันบริษัทนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซียเข้ามาจำหน่ายปีละ 9.6 หมื่นตัน เพื่อปูทางการทำตลาดไว้เผื่อในอนาคต
นายศุภชัย กล่าวว่า สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทจะขยายสาขาสถานีบริการ โดยตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มอีก 15 สาขา เงินลงทุนสาขาละ 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 450 ล้านบาท โดยจะขยายทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จากปัจจุบันมี่มี 26-27 แห่ง