นางเจนิส แรแวน เอ็กเคอเรน ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)เปิดเผยว่า ในปี 53 ธนาคารยังมั่นใจในการทำกำไรสุทธิได้ดีขึ้นกว่าปี 52 อย่างแน่นอน เห็นได้จากเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้ที่เติบโตขึ้น ทั้งการขยายสินเชื่อที่ตั้งเป้าโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 8% การเพิ่มอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เป็น 5% จาก 4.05% ในปี 52
ด้านนายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BAY กล่าวว่า ธนาคารมีเป้าหมายขยายสินเชื่อสุทธิในปี 53 เพิ่มขึ้น 48,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 8% ภายใต้การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในระดับ 3% โดยมีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อ Corporate 1.5 เท่าของจีดีพี สินเชื่อเอสเอ็มอี 2.5 เท่าของจีดีพี และสินเชื่อรายย่อย 3 เท่าของจีดีพี
ขณะที่ NIM จะเพิ่มขึ้นเป็น 5% และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจาก 26% เป็น 30% โดยธนาคารจะได้ประโยชน์จาการเข้าไปซื้อกิจการ โดยเฉพาะ GE Money ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ตั้งเป้าจะรักษาระดับ NPL ไม่ให้เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 52 อยู่ที่ 4.8% และมีแผนจะขายพอร์ตสินเชื่อในปีนี้ 5,000-10,000 ล้านบาท ส่วนจะขายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับราคาและผลตอบแทนที่จะได้รับ
นายมาร์ค กล่าวด้วยว่า แผนธุรกิจในปี 53 จะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยการเติบโตจากภายใน แต่พร้อมที่จะเข้าไปซื้อกิจการในอนาคตเมื่อมีโอกาส ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้ยังมีหลายธุรกิจที่พร้อมจะขายกิจการ แต่ขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้มีการเจรจาติดต่อซื้อกิจการใด ๆ ขณะเดียวกันในปี 53 จะเน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพที่ธนาคารมีและขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดการสร้างผลประกอบการที่ดีจากฐานที่มั่นคง
"สิ่งที่ต้องทำคือการรวมธุรกิจที่เราไปซื้อมา 3 ราย เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงและจะดูแลวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายจากการเข้าไปซื้อกิจการเพื่อหลอมการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อดูแลธุรกิจในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ขณะเดียวกันจะสร้างประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพที่มีอยู่"นายมาร์ค กล่าว
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของธนาคารในช่วง 3 ปีนี้ มีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทน ROE ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในระบบธนาคารพาณิชย์ จากปัจจุบันธนาคารมี ROE อยู่ที่ 7.5 เท่า และการเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ของธนาคารที่ลูกค้าใช้บริการ จากเฉลี่ย 2 ผลิตภัณฑ์/ราย เป็น 3 ผลิตภัณฑ์/ราย