บมจ. จีเอฟพีที(GFPT)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2553 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้เพิ่มเงินลงทุนในบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด ( จีเอฟเอ็น ) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GFPT และบริษัท นิชิเร ฟู้ดส์ อิงค์(นิชิเรฟู้ดส์) โดย GFPT ถือหุ้น 49% และนิชิเรฟู้ดส์ถือหุ้น 51%
จีเอฟเอ็นจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 780 ล้านบาท เป็น 1,170 ล้านบาท หรือเพิ่มทุน 390 ล้านบาท โดยการเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ จีเอฟพีที และนิชิเรฟู้ดส์ ตามสัดส่วนการถือครองหุ้นเดิม โดยจีเอฟพีทีจะจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของจีเอฟเอ็นจำนวน 1,911,000 หุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.บาท และจะดำเนินการชำระเงินค่าหุ้นทั้งสิ้น จำนวน 191 ล้านบาทให้แก่จีเอฟเอ็นภายในสิ้นเดือนมกราคม 2553
ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทต่างได้พิจารณาทบทวนเงินลงทุนสำหรับโครงการสร้างโรงงานชำแหละไก่และโรงงานผลิตสินค้าไก่แปรรูปปรุงสุก และเห็นควรปรับเพิ่มเงินลงทุนจากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1,590 ล้านบาทเป็น 2,340 ล้านบาท ตามภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการและจำนวนเงินลงทุนในจีเอฟเอ็น รวมตลอดถึงความต้องการสินค้าอาหาร โดยรวมที่เพิ่มสูงขึ้นภาวะเศรษฐกิจที่ผกผันและไม่แน่นอน กระแสสังคมเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อน การใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย การให้ความสำคัญต่อการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่าวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และความเป็นไปได้ของการขาดแคลนแรงงานในประเทศในอนาคตอันใกล้นี้
บริษัทมั่นใจว่า จีเอฟเอ็นจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตไก่ชำแหละและโรงงานผลิตสินค้าไก่แปรรูปปรุงสุกให้แล้วเสร็จตามแผนที่ได้รับการกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ กล่าวคือ ภายในเดือนมิถุนายน 53 และน่าที่จะพร้อมที่จะสามารถเริ่มการดำเนินการผลิตได้ภายในเดือนกันยายน 53 ซึ่งจะเป็นผลให้กลุ่มบริษัทจีเอฟพีทีจะสามารถรับรู้รายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมตลอดถึงรายได้ที่จะได้รับเพิ่มขึ้นจากการขายไก่เนื้อให้แก่จีเอฟเอ็นได้ภายในไตรมาส 3/53 อย่างไรก็ดี จีเอฟเอ็นคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตให้เต็มกำลังการผลิตได้ภายในไตรมาสที่สองของปี 54
ทั้งนี้ จีเอฟพีทีและนิชิเรฟู้สด์มีนโยบายที่จะดำรงโครงสร้างเงินทุนของจีเอฟเอ็นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ณ ปัจจุบัน จีเอฟเอ็นมีนโยบายที่จะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนใว้ที่ประมาณ 1 ต่อ 1 ดังนั้น นอกจากการเพิ่มทุนข้างต้น จีเอฟเอ็นจึงได้ดำเนินการติดต่อเพื่อขอรับสินเชื่อเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินชั้นนำอีกจำนวน 1,170 ล้านบาท โดยจีเอฟพีทีและนิชิเรฟู้สด์จะให้การค้ำประกันตามสัดส่วนนการถือครองหุ้นของตนในจีเอฟเอ็น กล่าวคือร้อยละ 49 สำหรับจีเอฟพีทีซึ่งคิดเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 573.30 ล้านบาท และร้อยละ 51 สำหรับนิชิเรฟู้ดส์ซึ่งคิดเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 596.70 ล้านบาท