นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า การปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ สาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอกที่มีน้ำหนักมากกว่าในประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากการที่จีนออกมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนและภูมิภาค ปรับตัวลดลงจากความกังวลของนักลงทุน
อีกปัจจัยหนึ่งมาจากตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวขึ้นมามากแล้วในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา โดยในเดือน ธ.ค.52ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมา 6.6% และในช่วง 1 ม.ค.-15 ม.ค.53 ปรับตัวขึ้นมา 1.6% รวมแล้วปรับตัวขึ้นมา 8.2% แล้ว ในช่วงเดือนครึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่อง จึงมีการปรับฐานบ้าง
ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ อาจมีผลกระทบเชิงจิตวิทยาที่ทำให้นักลงทุนมีความกังวลบ้าง แต่ชั่งน้ำหนักแล้วปัจจัยนอกมีน้ำหนักมากกว่าภายในประเทศ
"ช่วง 1 เดือนครึ่งตลาด stable มาตลอด ไม่ผันผวนเลย ช่วงนี้ก็อาจจะปรับตัวลงไปบ้าง ปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากจีนคุมสินเชื่อ ส่วนการเมืองบางวันก็เป็นข่าวการเมืองในบ้านเรา แต่ก็เป็นเรื่องทางจิตวิทยา เพราะภูมิภาคก็ปรับตัวในทิศทางเดียวกัน"นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 53 ยังมีความผันผวนอยู่ แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลก สหรัฐ หรือภูมิภาค ฟื้นตัวขึ้น แต่ระหว่างทางที่จะเดินไปก็ยังมีความผันผวน และ ตั้งแต่ 1-21 ม.ค.ต่างชาติขายหุ้นออกไปราว 9.2 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นว่าจะเป็นจุดดีอย่างหนึ่งคือ ผลกำไรกลุ่มแบงก์ที่ออกมาดีขึ้น สถาบันการเงินยังเข้มแข็ง ทำให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีพื้นฐานที่ดี โดยผลประกอบการปี 52 ของกลุ่มแบงก์ที่ประกาศออกมาเป็นกลุ่มแรก พบว่ามีกำไร 9.1 หมื่นล้านบาท สูงขึ้น 10% จากผลประกอบการปี 51 ที่มีกำไร 8.2 หมื่นล้านบาท