บมจ.ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY) คาดว่างวดปี 53 (สิ้นสุด มี.ค.54) บริษัทจะสามารถมียอดขายเติบโต 10% จากงวดปี 52 ที่คาดว่าจะทำได้ราว 7 พันล้านบาท ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรามยานยนต์ที่เริ่มเห็นว่าส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาสสุดท้ายของงวดปี 52(ม.ค.-มี.ค.53) ทำให้บริษัทตั้งงบลงทุนอีก 700-800 ล้านบาทในปีนี้เพื่อปรับปรุงแม่พิมพ์และซื้อเครื่องจักรเพิ่มเข้ามารองรับการขยายตัว
ส่วนกำไรในงวดปี 52 แม้ว่าจะยังคงปรับลดลงจากปีก่อน จากผลกระทบการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าจะลดลงในอัตราต่ำกว่าที่คาดไว้
นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล รองประธาน กรรมการบริหาร STANLY กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 4 ของงวดปี 52 ยอดขายดีขึ้นตามตลาดรถยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ปรับตัวลดลงมา ซึ่งนอกจากจะมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยบวกอื่น คือ ผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ทั้งข้าวและยางพารา ทำให้กำลังซื้อในตลาดมีมากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดหลอดไฟสำหรับรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 97-98% และหลอดไฟรถยนต์ 60% ขณะที่สัดส่วนรายได้หลักมาจากรถยนต์ 60-65% ที่เหลือเป็นจักรยานยนต์
นายอภิชาติ กล่าวว่า บริษัทยังคงนโบบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีภาระหนี้และมีกระแสเงินสด 2 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทมีภาระลงทุนไม่มากนัก ราว 700-800 ล้านบาท เนื่องจากกำลังผลิตยังมีมาก ปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิต 80-85% ส่วนกระแสเงินสดที่มีจะเตรียมไว้ใช้รองรับอีโคคาร์ที่จะมีเข้ามาในอนาคต แต่กว่าจะเริ่มก็อีก 2 ปี
นายอภิชาติ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทสนใจที่จะศึกษาการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง