นายสมชัย ว่องอรุณ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการในปี 53 ว่า มีสัญญาณการเติบโตที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับปี 52 ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญหลายประการ ที่เห็นได้ชัดก็คือ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในประเทศมีขึ้นอย่างชัดเจน ลดแรงกดดันทางด้านการลงทุนทำให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายกันมากขึ้น
รวมทั้งการตกแต่งซ่อมแซมบ้านเรือน ซึ่งจะส่งผลดีต่อ STAR ในฐานะผู้จัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มสุขภัณฑ์ด้วย ประกอบกับสินค้าระดับกลางบนที่ส่งลงวางตลาดทั้งในประเทศไทยและตลาดส่งออกได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างยอดเยี่ยมทำให้ บริษัทสามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวดีขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
"เชื่อว่าการเริ่มฟื้นตัวของตลาดส่งออก และตลาดในประเทศจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่องจากปี 52 ได้ เพราะทำให้สินค้าจำหน่ายได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันสินค้าที่จัดจำหน่ายยังวางตลาดตำแหน่งเป็นระดับกลางบน สามารถกำหนดราคาขายได้สูงขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Margin) อยู่ในระดับค่อนข้างสูงในอัตราเกิน 49% อีกทั้งสะท้อนให้ผลประกอบการของ บริษัทฯ เติบโตได้อย่างโดดเด่นค่อนข้างชัดเจนมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา" นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้ การยื่นคำขอต่อกรมการค้าต่างประเทศ ของกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเซรามิก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้พิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti — Dumping) สินค้ากระเบื้องเซรามิกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เข้ามาขายในไทยในราคาต่ำ จะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมดังกล่าวในประเทศไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น และถึงแม้ว่าการแข่งขันจะไม่ลดลง เพราะผู้ประกอบในประเทศไทยมีจำนวนมาก แต่ถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี เพราะการแข่งขันจะอยู่บนความเป็นจริงมากขึ้น ด้วยต้นทุนที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในประเทศโดยตรง
นายสมชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้เตรียมออกสินค้าใหม่ลงวางตลาดต่อเนื่องอีกหลายชุด ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ เพื่อขยายตลาดทั้งสองด้านไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะการขยายตลาดในประเทศ ซึ่งต่อไปจะทำอย่างเข้มข้นขึ้นหลังจากที่พบว่าลูกค้าตอบรับภาพลักษณ์สินค้าระดับกลางบนของสินค้า Star ค่อนข้างดี
โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ วางจุดเด่น Star เป็น สุขภัณฑ์ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานสากล สามารถจำหน่ายได้ทุกตลาดทั่วโลก แต่จัดจำหน่ายให้กับผู้บริโภคชาวไทย ในราคายุติธรรม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้าในประเทศ ประกอบกับในปีนี้จะเป็นปีที่ครบรอบ 20 ปีสินค้า Star บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ต่อเนื่องจากปี 52 ได้
"เมื่อผลประกอบการเราออกมาดี ก็ย่อมสะท้อนให้ผลตอบแทนจากการลงทุนออกมาดีด้วย ซึ่งเรายังยึดนโยบายจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามเงื่อนไขของบริษัทฯ ที่กำหนดไว้ ประกอบกับปัจจุบัน STAR ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตามบัญชี (Book Value) ที่ประมาณ 3 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นในกระดานมาก ในขณะที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณเพียง 0.3 เท่า เท่านั้น แต่มีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนจึงมองว่าน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดี สำหรับนักลงทุนที่หวังลงทุนในระยะยาว" นายสมชัยกล่าวในที่สุด