ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลาง และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 41.87 จุด หรือ 0.41% แตะระดับ 10,236.16 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.33 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 1,097.50 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 17.68 จุด หรือ 0.80% แตะที่ 2,221.41 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1,517 ต่อ 1,515 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.49 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับคณะกรรมการเฟดมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) อยู่ในกรอบ 0-0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) พร้อมกับย้ำว่าคณะกรรมการเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์จากบริษัท Harris Financial Group ในรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานเริ่มทุเลาลง ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวปานกลาง นอกจากนี้ เฟดยังแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวระดับปานกลางต่อไปอีก
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ปี 2552 ร่วงลง 7.6% แตะที่ 342,000 ยูนิต จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 370,000 ยูนิต และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 370,000 ยูนิตในเดือนธ.ค.
หุ้นแอปเปิล อิงค์ ปิดบวก 0.9% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยว่ากำไรไตรมาส 4 ปี 2552 พุ่งขึ้นแตะ 3.38 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.67 ดอลลาร์ต่อหุ้น และยอดขายทะยานขึ้น 35% แตะ 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากยอดสั่งซื้อไอโฟน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2552 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีไตรมาส 4 ของสหรัฐ จะขยายตัว 4.6% ทำสถิติขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี