นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ขณะนี้ปัจจัยเรื่องการเมืองในประเทศมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยมีปัจจัยต่างประเทศเป็นองค์ประกอบที่สำคัญเช่นกัน นักลงทุนควรติดตามทั้งสองประเด็นพร้อมกันไปและประเมินสถานการณ์เป็นระยะ
สำหรับประเด็นด้านการเมือง มีพัฒนาการมากขึ้นทั้งจากการเปิดประชุมสภาฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนที่ร่วงลงไปแรงมาถึงต้นสัปดาห์นี้ แต่วันนี้ได้รีบาวน์ขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากที่นักลงทุนเห็นว่ามูลค่าที่แท้จริงของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ดี ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและการจ่ายเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะงบปี 52 ของธนาคารพาณิชย์ที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 10% จากปี 51
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศก็ยังต้องติดตาม เพราะแม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเป็นขาขึ้นแล้วทั้งสหรัฐและเอเชียที่คาดว่าเศรษฐกิจจะดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า แต่ยังมีความผันผวนระหว่างทาง
นางภัทรียา กล่าวว่า แม้จะมีโบรกเกอร์บางแห่งแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ แต่ตลท.ก็ไม่ได้กังวล เพราะนักวิเคราะห์คงมองสถานการณ์เป็นรายวัน และบทวิเคราะห์ที่ออกมาก็มีทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
สำหรับความกังวลว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น นางภัทรียา กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงจะไม่กระทบแผนพัฒนาตลาดทุน และมั่นใจว่าจะเดินต่อไปได้ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ก็ตาม เพราะเป็นแผนงานที่กำหนดชัดเจน อีกทั้งมีหน่วยงานประจำที่รับผิดชอบ เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ฯ และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) นอกจากนั้นยังกำหนดขั้นตอนการดำเนินการไว้ชัดเจนแล้ว