นายมงคล ลีลาธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 54 โดยจะไม่ขอยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ทั้งนี้ การเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยในปัจจุบันไม่มีผลต่อการเข้าตลาดหุ้น ซึ่งธนาคารจะยังคงด้ำเนินการเพื่อรายย่อยต่อไป
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีความสนใจเพื่อหาพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศเพื่อเข้ามาช่วยเกื้อหนุนธุรกิจ ซึ่งเป้าหมายไม่เพียงแต่เงินทุนเท่านั้น แต่จะต้องการความเกื้อหนุนทางธุรกิจด้วย และจะต้องเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม แผนการหาพันธมิตรไม่ได้มีกำหนดเวลาตายตัวว่าจต้องสรุปเมื่อใด
นายมงคล กล่าวอีกว่า ธนาคารยังเตรียมเข้าซื้อกิจการเช่าซื้อ ซึ่งเป็นธุรกิจอยู่ในกลุ่ม non-bank วงเงินประมาณ 1 พันล้านบาท
อนึ่ง ในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารฯ ได้ตอกย้ำเจตนารมณ์การเป็นธนาคารเพื่อรายย่อย ด้วยการเข้าซื้อกิจการของบริษัท ธนบรรณ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และมีส่วนแบ่งการตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นอันดับที่ 4 เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ารายย่อย
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 52 บริษัท ธนบรรณ มีกำไรสุทธิ 46.49 ล้านบาท จากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 73.19 ล้านบาท
ในปี 52 ธนาคารมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 51% สินเชื่อขยายตัว 72% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในสัดส่วน 1.47% ส่วนเป้าหมายธุรกิจปี 53 ธนาคารตั้งเป้าขยายเงินฝาก 43% และจะมุ่งเน้นขยายฐานสินเชื่อขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อทอง สินเชื่อที่อยู่อาศัย และ สินเชื่อบุคคล ให้เพิ่มขึ้นกว่า 60%
"ในปี 52 การดำเนินการของธนาคาร ถือว่าได้ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว หลังจากที่ธนาคารได้เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 48 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ที่สามารถดำเนินธุรกิจจนถึงจุดคุ้มทุนในช่วง 2 ปี 9 เดือน" นายมงคล กล่าว