นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH) เปิดเผยว่าปี 53 ได้เตรียมเงินลงทุน 4 พันล้านบาท สำหรับพัฒนาโครงการที่บริษัทได้ร่วมทุนจำนวน 6 โครงการ และลงทุนโครงการใหม่ ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ 3 โครงการ
ขณะเดียวกัน คาดรายได้และกำไร ในปี 53 น่าจะดีกว่าปี 52 เนื่องจากในปีนี้ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ แต่ต้องดูการดำเนินงานระหว่างปีที่บางโครงการจะสร้างรายได้ทันที
"เชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศมีอัตราเติบโตในอัตราที่จะเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสที่เราจะทำและจะขยายธุรกิจให้โตขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ก็ต้องบริหารความเสี่ยงไปทำธุรกิจต่างประเทศด้วย"นายนพพล กล่าว
ทั้งนี้ งบลงทุน 4 พันล้านบาท ไม่รวมการลงทุนในโครงการออสเตรเลีย และการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ นายนพพล กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสขยายการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องใช้เวลาศึกษาโครงการ และพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษในออสเตรเลีย ที่กำลังศึกษาอยู่หลายโครงการทั้งธุรกิจก๊าซ ถ่านหิน พลังงานลม โรงไฟฟ้า และปีนี้น่าจะเห็นความชัดเจนได้บ้าง
หากดีลต่างประเทศมีขนาใหญ่มาก บริษัทก็เชื่อว่ายังมีแหล่งเงินทุนและช่องทางการเงินอื่น ๆ มารองรับได้ นอกเหนือจากกำไรจากการดำเนินการ อีกทั้งขณะนี้บริษัทมีเงินสดอยู่ในมือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
"เงินลงทุน 4 พันล้านบาทคาดส่วนหนึ่งใช้ 6 โครงการที่ดำเนินอยู่ เช่น หงสา น้ำงึม 3 ขณะเดียวกันส่วนหนึ่งเตรียมลงทุนหากพบดีลที่น่าสนใจ บริษัทจะได้ซื้อกิจการ ซึ่งส่วนนี้สามารถยืดหยุ่นตามการลงทุน แต่หากได้ดีลขนาดใหญ่ บริษัทก็ยังมีเครดิตหาทางอืนได้" กรรมการผู้จัดการ RATCH กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้ง เป็น 7,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 59 จากปัจจุบันอยู่ที่ 4,347 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าเพิ่มการลงทุนพลังงานทางเลือกให้เป็น 100 เมกะวัตต์ในปี 59
นายนพพล กล่าวว่า สำหรับความก้าวหน้าโครงการลงทุน ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ซึ่งกำหนดจะเก็บกักน้ำในเดือน มี.ค.นี้ , โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสา มีแนวโน้มที่จะได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ )ในไตรมาสแรกปีนี้ และโครงการพลังงานลมกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ กำลังจะเริ่มก่อสร้างโครงการ รวมทั้ง โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 3 ที่คาดว่าจะลงนาม TARIFF MOU กับ กฟผ.ได้ราวต้นปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเดินหน้าพัฒนาและลงทุนโครงการพลังงานทดแทน ได้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อกว่า 1 โครงการ ในปีนี้ซึ่งเร็วๆนี้ บริษัทมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิต 9 เมกะวัตต์
นายนพพล กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทเน้นสร้างความเติบโตทางธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แผนธุรกิจได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในสปป.ลาว และ ประเทศอื่นในภูมิภาค โดยจะเน้นเลือกลงทุนโครงการที่ดำเนินกิจการแล้วเป็นอันดับแรก เพื่อสามารถรับรู้รายได้ทันที
ส่วนการลงทุนในประเทศ จะเน้นที่โครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) และโรงไฟฟ้าเล็กมาก (VSPP) รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เพราะรัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมโครงการประเภทดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น
จากโครงการต่างๆ ที่มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในปีนี้ และสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคตอีกประมาณ 800 เมกกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสา กำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 70% เท่ากับ 750 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ใข้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ , โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ น้ำงึม 3 มีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนลงทุน 25% เท่ากับ 110 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 18 เมกะวัตต์
อนึ่ง RATCH ระบุว่ากำลังผลิตของโครงการที่กำลังดำเนินการและอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งหมด 5,473 เมกะวัตต์