แหล่งข่าวจาก บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น(TCC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการในปี 53 คาดว่าจะออกมาดีกว่าปี 52 และน่าจะพลิกเป็นกำไร หลังจากเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/52 ที่รับรู้รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายถ่านหินเข้ามาเต็มที่ทั้งไตรมาส ขณะที่ไตรมาส 3/52 เริ่มขาดทุนลดลงแล้ว ดังนั้น ไตรมาส 4/52 ก็น่าจะลุ้นกำไรได้ แต่ทั้งปี 52 คงยังขาดทุน
ประกอบกับ แนวโน้มราคาถ่านหินปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน และ กลุ่มลูกค้าก็เริ่มโตขึ้น
"ผลประกอบการปี 53 จะออกมาดีกว่าปี 52 อย่างแน่นอนจากธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายถ่านหิน เพราะแนวโน้มราคาถ่านหินน่าจะปรับขึ้น"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า ต้นทุนการนำเข้าถ่านหินตั้งแต่ไตรมาส 4/52 เป็นต้นมา ราคานำเข้าต่ำกว่าราคาตลาด ทำให้บริษัทมีกำไรพอสมควรเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3/52 ที่มีต้นทุนนำเข้าสูงกว่าราคาตลาด และราคาน่าจะดีต่อเนื่องถึงปี 53 โดยเฉพาะถ่านหินที่บริษัทนำเข้ามาเป็นถ่านหินบิทูมินัส ซึ่งเป็นถ่านหินคุณภาพสูง
อีกทั้งไตรมาส 3/52 รับรู้รายได้จากการขายถ่านหินเพียงเดือนเดียว เพราะโรงคัดแยกและจัดเก็บถ่านหินที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี แล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/52 ซึ่งขณะนี้ใช้ประสิทธิภาพเต็มที่แล้ว สามารถสต็อกถ่านหินได้สูงถึง 8-9 หมื่นตัน
"ราคาถ่านหิน jump ขึ้นแรงได้อานิสงส์ในแง่จิตวิทยา ไตรมาส 4/52 ที่ขายถ่านหินทั้ง 3 เดือนก็เชื่อว่าผลประกอบการน่าจะมีกำไร ไม่เข้าเนื้อ และปี 53 ก็จะโอเคดีขึ้นเป็นลำดับ ไตรมาส 4 ก็ดีกว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 1 ปีนี้ก็น่าจะทรงอยู่ได้"แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง ไตรมาส 3/52 ขาดทุนลดลงเหลือ 6 ล้านบาท แต่งวด 9 เดือนแรกของปี 52 ยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า บริษัทพยายามบริหารจัดการสต็อกให้มีความเหมาะสม โดยปัจจุบัน มีสต็อกถ่านหินประมาณ 50,000 ตัน รองรับการจำหน่ายระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งบริษัทจะพยายามไม่สต็อกไว้มาก เพราะแม้ว่าแนวโน้มราคาจะดี แต่ก็ยังไม่วางใจ เนื่องจากราคาถ่านหินขึ้นกับหลายปัจจัย รวมถึงราคาน้ำมัน ขณะเดียวกัน ความห่วงใยเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นประเด็นหนึ่งด้วย
"ต้องดูทิศทางเพราะถ่านหินมีราคาตลาดโลกและตัวแปรค่อนข้างเยอะที่จะส่งผล แต่ถ้าเป็นเรตตอนนี้ที่ซื้อมายังไงก็กำไร ทิศทางราคาถ่านหินยังปรับขึ้นอยู่ การมีสต็อกต้นทุนต่ำก็น่าจะเป็นผลดีต่อเรา สต็อกต่ำกว่าราคาขายเยอะก็ถือว่าใช้ได้ ไม่เจ็บตัว"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับการแก้ไขปัญหาขาดทุนสะสมนั้น แหล่งข่าว กล่าวว่า ณ สิ้นงวด 9 เดือนแรกของปี 52 บริษัทมีขาดทุนสะสมราว 348.99 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่ายังไม่สามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดภายในปีนี้ แต่จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในปัจจุบันก่อน