นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า จากมติคณะกรรมการทีโอที ทำให้เอไอเอสมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการหยุดการให้บริการโรมมิ่งกับทีโอทีที่จะไปใช้บริการข้อมูลบน 3G เพื่อรอการพิจารณาของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน หากผลออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งเอไอเอสก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม
ตามที่คณะกรรมการ บมจ.ทีโอที มีมติออกมาให้นำเรื่องการดำเนินการความร่วมมือในการให้บริการโรมมิ่งกับลูกค้าเอไอเอส เพื่อไปใช้บริการข้อมูลบน 3G ของทีโอที ให้ไปสอบถาม กทช.ก่อนนั้นหมายความว่าทีโอทีได้ยอมรับในบทบาทและอำนาจหน้าที่ของกทช. และหากผลการพิจารณาของ กทช. ออกมาอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติตามและจะไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานในอนาคต
ขณะเดียวกันการที่ทีโอทีให้โรมมิ่งมายังโครงข่ายของเอไอเอสนั้นได้ทำมาตั้งแต่ทีโอทีให้บริการบนระบบ 2G บน 1900 อยู่ จนกระทั่งเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงมาเป็น 3G ของทีโอทีในปัจจุบัน ทางเอไอเอสได้เคยเจรจาในหลักการแล้วว่าจะขอโรมมิ่งกลับมาใช้โครงข่าย 3G ของทีโอทีบ้าง เพราะการทำโรมมิ่งกันนั้นเป็นการกระทำต่างตอบแทนในการทำธุรกิจและเป็นมาตรฐานการให้บริการของ GSMA (สมาคมผู้ประกอบการ GSM) มาตั้งแต่มีระบบนี้แล้ว การโรมมิ่งไม่ใช่ต่างตอบแทนทางเทคโนโลยี แต่เป็นการต่างตอบแทนทางธุรกิจ เช่น ลูกค้าเอไอเอส ถ้าจะไปใช้งานที่ญี่ปุ่น ต้องใช้ 3G ของญี่ปุ่น ขณะเดียวกันลูกค้าที่ญี่ปุ่น หากจะมาใช้โรมมิ่งในโครงข่ายเอไอเอส ต้องใช้ 2G (GSM900) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทีโอทีได้ขอให้เอไอเอสโรมมิ่งเพื่อบริการลูกค้า กว่า 500,000 เลขหมาย โดยในช่วงนั้นไม่มีการยื่นเรื่องถามไปยังกทช. ทุกอย่างสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าผู้ใช้บริการของ ทีโอที ได้ตามปกติ นั้นหมายความว่าการบริการครั้งนั้นสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการได้อย่างสมบูรณ์
แต่หากการขอบริการโรมมิ่งกับเอไอเอสในครั้งนั้นเกิดข้อติดขัด หรือมีการยกเลิกให้บริการโรมมิ่ง ลูกค้าจำนวน 500,000 เลขหมายก็จะมีปัญหาในการใช้งานนอกพื้นที่ครอบคลุม 3G ของทีโอที เช่นเดียวกับการขอบริการโรมมิ่งของเอไอเอสกับทีโอทีในครั้งนี้หากเกิดข้อติดขัด ก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อลูกค้าที่ไม่สามารถได้รับบริการที่ดี รวมถึงการดำเนินของ MVNO ก็จะได้รับผลกระทบ เพราะไม่สามารถดำเนินการขายซิมได้อย่างเต็มที่