นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน(สมาคม บลจ.) แนะทิศทางสำหรับการลงทุนในปี 53 ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่หลายฝ่ายยังเป็นกังวล โดยให้นักลงทุนระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน ควรถือเงินสดไว้ 50% แต่หากเป็นนักลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป แนะนำให้ทยอยซื้อหากราคาหุ้นเริ่มปรับตัวลดลง เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังไปแล้วสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น โดยให้เน้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นปันผลที่เฉลี่ยเกินกว่า 3% ซึ่งน่าจะดีกว่าผลตอบแทนจากการนำเงินไปฝากธนาคาร และดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้
นายกสมาคม บลจ.มองว่า สถานการณ์การเมืองในปีนี้คงไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะส่งผลให้สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังไปได้ดี เพราะคาดว่าบริษัทจดทะเบียนน่าจะมีอัตรากำไรที่ 10-15% ส่วน P/E ของตลาดหุ้นไทยยังไม่สูงมาก เพียงแต่ต้องเลือกการลงทุนในหุ้นกลุ่มปันผล เพราะแม้ราคาหุ้นจะปรับลดลง แต่การปันผลยังอยู่ในอัตราที่ดี และผลประกอบการก็ยังดีอยู่
"การเมืองเป็นปัจจัยข่าวลบมากที่สุดในปัจจุบัน แต่เศรษฐกิจตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พ้นปากเหวทั้งไทยและเอเชีย การท่องเที่ยวกลับมาเหมือนเดิมหรืออาจมากกว่า ทุกภาคธุรกิจอยากให้เศรษฐกิจไปได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองเลย" นางวรวรรณ ระบุ
ส่วนแนวโน้มการลงทุนปีนี้ของอุตสาหกรรมจัดการกองทุน ยังประเมินได้ยาก เพราะถ้าหากธนาคารพาณิชย์พร้อมจะปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้ต้องระดมเงินฝากมากขึ้นโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ก็อาจส่งผลให้อุตสาหกรรมจัดการกองทุนมีผลตอบแทนสู้กับธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ ทำให้นักลงทุนจะหันไปฝากเงินกับธนาคารแทน
นางวรวรรณ กล่าวด้วยว่า ในปี 52 อุตสาหกรรมจัดการกองทุนมีมูลค่ารวม 2.58 ล้านล้านบาท เติบโต 19.26% มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมโต 20.88% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพโต 10.52% และกองทุนส่วนบุคคลโต 28.66%
ส่วนกองทุนรวม ณ วันที่ 31 ต.ค.52 มีเม็ดเงินใหม่ตั้งแต่ต้นปี 52 เข้าสู่ธุรกิจประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว
ขณะที่กองทุนรวมตราสารแห่งทุนติดลบ และเชื่อว่าจนถึงสิ้นปี 52 ก็ยังคงติดลบ ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของธุรกิจกองทุนรวมอยู่ที่ 1.78 ล้านล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ลงทุนราว 2.2 ล้านคน