นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย (LH Bank) เปิดเผยว่า ในปี 53 ธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มทุนเพื่อให้ธนาคารมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและเอื้ออำนวยต่อการขยายฐานสินเชื่อ และขยายสาขาได้มากขึ้น
การเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้ธนาคารสามารถเพิ่มศักยภาพในการขยายตัวของสินเชื่อได้ตามแผนงานปี 53 ในอัตราไม่ต่ำกว่า 20% แต่หากภาวะเศรษฐกิจดีกว่าที่คาดการณ์และปัจจัยการเมืองลดความร้อนแรงลง การขยายตัวของสินเชื่อใหม่ปีนี้ มีโอกาสจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยการเติบโตสินเชื่อของธนาคารใน 4 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราเติบโตสินเชื่อเฉลี่ยประมาณ 40-60%
นอกจากนี้ธนาคารมีแผนเตรียมการเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพไม่น้อยกว่า 6-8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ปัจจุบันยอมรับในชื่อเสียงและความมั่นคงของธนาคารเพิ่มมากขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 52 ธนาคารมีกำไรสุทธิ (หลังหักภาษี) 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 52% โดยธนาคารมีกำไรก่อนหักภาษี จำนวน 394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบปี 51 ทำให้ธนาคารสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดในเดือนกันยายน 52 และเริ่มชำระภาษีตั้งแต่เดือน ต.ค.52
โดยสิ้นปี 52 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 49,660 ล้านบาท เติบโต 12% ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สินทรัพย์หลักๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปี 52 มีจำนวน 35,604 ล้านบาท ที่เติบโตถึง 11.2% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจเริ่มทยอยฟื้นตัว ส่งผลให้ธนาคารมีการขยายตัวสินเชื่อสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบ
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPL) ณ 31 ธ.ค.52 มีจำนวน 435 ล้านบาท คิดเป็น 1.22% ของเงินให้สินเชื่อ ลดลงจากสิ้นปี 51 ที่อยู่ที่ 2.42% เป็นผลมาจากธนาคารได้เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและมีกระบวนการติดตามอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีนโยบายรักษาระดับเงินสำรองหนี้สูญ ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในระดับสูงเพื่อความมั่นคงและความแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 140% และสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ที่ 71% ซึ่งอยู่ในระดับสูงและแข็งแกร่ง และตัวเลขเงินสำรองดังกล่าว มีจำนวนที่สูงทัดเทียมกับธนาคารขนาดใหญ่ และปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 11.3% รายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ (Net Interest Income) มีจำนวน 1,259 ล้านบาท เติบโตถึง 32% เมื่อเทียบปีก่อน นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรวม 165 ล้านบาท เติบโต 114% มีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวม 0.88% เติบโตเข้าใกล้กับค่าเฉลี่ยของระบบที่ 1.07% และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อผู้ถือหุ้น13% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบที่อยู่ 11%
สำหรับยอดเงินฝาก มีจำนวน 31,822 ล้านบาท และเงินกู้ยืมประเภท ตั๋วแลกเงินจำนวน 10,216 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากและเงินกู้ยืมเฉลี่ยอยู่ที่ 103% และจำนวนลูกค้าเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นจากปี 51 กว่า 30% เพิ่มขึ้นในส่วนลูกค้ารายย่อยวงเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาทถึง 10,000 กว่าราย ทำให้สิ้นปี 52 มีจำนวนผู้ฝากเงินเฉพาะกลุ่มนี้ถึง 41,993 ราย คิดเป็น 92% ของจำนวนผู้ฝากเงินทั้งหมด