บมจ.ซาบีน่า (SABINA) ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในสตรีภายใต้แบรนด์"ซาบีน่า"เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทวางกลยุทธ์ในปี 53 ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น เพื่อทดแทนตลาด OEM ในต่างประเทศทั้งยุโรปและสหรัฐที่มีออร์เดอร์ลดลงจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ในปี 53 ที่ประมาณ 20-25 % จากปี 52
นายอมรเทพ อสีปัญญา ผู้อำนวยการสายงานตลาดในประเทศ SABINA กล่าวว่า บริษัทได้ทยอยปรับแผนในการทำธุรกิจต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ตลาด OEM เราลดลงมากประมาณ 40-50% ถือว่าลดลงเร็วกว่าที่คาด เพราะตามแผนงานต้องการค่อยๆ ลดในตลาดสหรัฐก่อน แต่ขณะนี้ตลาดยุโรปก็ชะลอลง ดังนั้น การหันมาหาตลาดในประเทศถือเป็นการตอบโจทย์ที่ดีและยังเป็นการรักษาการเติบโตของบริษัทได้ด้วย
"ปีนี้เราต้องรอบคอบวางแผนให้ดีเพราะตลาดในประเทศก็มีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง และยังแข่งมากในเรื่องราคาอีก แต่ไม่ใช่ตลาดในประเทศไม่ยาก ยากเหมือนกัน เพราะต้องใช้เวลาทำตลาด ไม่เหมือน OEM ที่จะผลิตตามออเดอร์ที่สั่ง" นายอมรเทพ กล่าว
บริษัทจะหันมาผลิตสินค้าที่มีคอลเลกชั่นใหม่ และดีไซน์แบบใหม่มากขึ้นเพื่อขายในประเทศทดแทนตลาดต่างประเทศที่ลดลงไป ซึ่งการผลิตสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและสามารถปรับขึ้นราคาด้วยประมาณ 5% จากขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400- 600 บาทต่อชิ้น คาดว่าภายในปีนี้จะเห็นออกมา 2-3 คอลเล็คชั่นใหม่โดยเฉพาะวัยรุ่นจะเริ่มเห็นช่วงเดือน พ.ค-มิ.ย.53
นอกจากนั้น บริษัทยังจะใช้การจัดโปรโมชั่นเพิ่มปริมาณขายให้มากขึ้นเพื่อระบายสินค้าที่มีอยู่ให้ลดลงด้วย เช่น โปรโมชั่นซื้อชุดชั้นใน 2 ตัวแถม 1 ตัว รวมทั้งการขยายช่องทางซาบีน่าช็อปทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นอีกส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันรายได้ในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้น
นายอมรเทพ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าสัดส่วนยอดขายในประเทศในปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 70% จาก 65% ในปี 52 และตลาด OEM จะเหลือ 30% จาก 35% อีกทั้งยังเป็นการรองรับการแข่งขันผู้ประกอบการชุดชั้นในที่ประเมินว่าในปี 53 จะมีความรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะด้านราคา และการหันมาเจาะตลาดในประเทศเป็นหลักมากขึ้นด้วย
ผู้อำนวยการสายงานตลาดในประเทศ บริษัท ซาบีน่า กล่าวต่อว่า การขยาย" ซาบีน่าชอป" นั้นในตลาดต่างประเทศขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุป ขณะเดียวกันในส่วนการขยายช่องทางซาบีน่าชอปในประเทศก็จะมีการขยายต่อเนื่อง โดยวางแผนเปิดใหม่ 4-5 แห่งใช้เงินประมาณ 2 ล้านบาทต่อชอป
รวมทั้งด้านกำลังการผลิต ก็ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่บริษัทต้องให้ความสำคัญ เพื่อช่วยผยุงรายได้ให้เป็นไปตามแผนมากที่สุด ไม่ว่า จะเป็นด้านการผลิตที่ต้องกระชับและทำงานได้เร็วขึ้น เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด