นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ได้เจรจาการซื้อหุ้นของ SIRI จากกองทุนต่างชาติเพื่อขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยใน Tranche แรก เป็นจำนวนประมาณ 178 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท และ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหุ้นเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง จำนวนประมาณ 135 ล้านหุ้น คาดว่าจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.53
สำหรับเงินที่นำมาซื้อในครั้งนี้ใช้เงินทุนส่วนตัว และได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นจากเดิม ที่เคยถือเพียง 2.52% เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 24% และขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SIRI
"การซื้อหุ้นเพิ่มในครั้งนี้ ผมเองได้มีการเจรจาขอซื้อหุ้นจากกองทุนต่างชาติ โดยดำเนินการผ่านตัวกลาง สำหรับเป้าหมายที่ทำการซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของบริษัท" นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา การเจรจาซื้อหุ้นจากกองทุนต่างชาติมานานถึง 2 เดือนแล้ว โดยตกลงราคาซื้อขายกันที่หุ้นละ 5 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด เพื่อต้องการเข้ามาดูแลบริหารองค์กรให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และต้องการถือหุ้นในระยะยาวเพื่อหวังผลตอบแทน ซึ่งการเข้ามาถือหุ้นเพิ่มใน SIRI ครั้งนี้ไม่ต้องทำ Tender Offer เพราะสัดส่วนถือหุ้นยังไม่ถึง 25%
"ผมได้เจรจากับกองทุนทั้ง 3 ราย มาค่อนข้างนานแล้ว กว่าจะตกลง ซึ่งกันซื้อหุ้นครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น และให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นและอยากให้มั่นใจว่าจะถือยาวแน่นอน เพราะราคาที่ซื้อแพงกว่าราคาตลาด จึงไม่น่าที่จะมีนัยสำคัญอะไร และอยากให้ความมั่นใจมากขึ้นต่อการขายหุ้นเพิ่มทุนว่าจะขายได้เร็วตามที่กำหนดไว้ภายใน มี.ค.53 จบแน่นอน" นายเศรษฐา กล่าว
การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นครั้งนี้ จะไม่กระทบต่อนโยบายการบริหารงาน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอื่นๆ ในแง่การบริหารแต่อย่างใด