ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าดีดขึ้น รับผลจากตลาดตปท.ขึ้นหลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่ง

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะดีดตัวขึ้น ทดสอบแถว 705 จุด แต่คงจะยืนไม่ได้นานเนื่องจากตลาดบ้านเรายังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมือง อาจจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้

ปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นมาจากที่ตลาดต่างประเทศต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้าทั้งดาวโจนส์และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์(Commodity)ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง ขณะนี้ขึ้นมาถึง 77 เหรียญฯ/บาร์เรลแล้ว

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 685 จุด แนวต้าน 705 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(2 ก.พ.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,296.85 จุด เพิ่มขึ้น 111.32 จุด(+1.09%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,103.32 จุด เพิ่มขึ้น 14.13 จุด(+1.30%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,190.06 จุด เพิ่มขึ้น 18.86 จุด(+0.87%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 187.63 ล้านบาทเมื่อวานนี้
• ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 77.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์หรือ 3.76%
• ผู้นำธุรกิจทั่วโลก 82% เล็งย้ายฐานผลิตเข้าเอเชีย ชู"จีน-อินเดีย"หัวหอกดันเศรษฐกิจโลก, ไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ เผยผลสำรวจซีอีโอทั่วโลกกว่า 1 พันคน พบผู้บริหารกว่า 78% เมินกู้เงินแบงก์ หันใช้สภาพคล่อง-กระแสเงินสดตัวเองลงทุน ชี้ไม่มั่นใจสถานการณ์ มีความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการกว่า 80% ชี้กำไรและรายได้จะเติบโตในอีก 12 เดือน ฟันธงเอเชียขึ้นแท่นผู้นำเศรษฐกิจโลก ระบุการเมืองตัวแปรสั่นคลอนเศรษฐกิจไทย
• นายกฯ หวั่น "ดาวเคมิคอล-ฟอร์ด"ย้ายฐานหนีลงทุนประเทศอื่น สั่งอัยการสูงสุดหาช่องทางช่วยเหลือ ขณะที่ 30 โครงการเตรียมยื่นศาลปกครองขอผ่อนผันคำสั่งโครงการกำลังก่อสร้าง แต่ยังไม่ประกอบการ ระบุเอกชนพร้อมรับความเสี่ยง หากสุดท้ายไม่ได้ใบรับอนุญาตดำเนินการ
• "ศิวะนันท์ ณ นคร"ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน(องค์การมหาชน)หรือ สบพ.เปิดเผยถึงฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน แม้จะอยู่ในภาวะติดลบรายเดือนจากการนำเงินไปจ่ายชดเชยการนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ก็ตาม แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะโดยรวม เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ ยังมีเงินสุทธิเหลืออยู่ 2.1 หมื่นล้านบาท สามารถใช้ดูแลราคาพลังงานของประเทศได้จนถึงสิ้นปี
• ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนังสือขอความร่วมมือมายังธนาคารพาณิชย์ให้ช่วยจับตาการเก็งกำไรค่าเงินบาท หลังจากออกมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การดูแลเงินทุนไหลออก เพราะเห็นว่าการอนุญาตให้ยกเลิกการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า(Unwind Hedging)อาจเป็นช่องทางให้ธุรกิจเกิดการเก็งกำไรขึ้นได้
• ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการเดือนธ.ค. 2552 เทียบกับเดือนพ.ย. ว่า ค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 54.6 จากระดับ 50.3 และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภาคธุรกิจ โดยภาคการค้าส่ง ภาคการค้าปลีก และภาคบริการ ค่าดัชนีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50.5 54.4 และ 56.1 จากระดับ 47.7 50.0 และ 51.3 เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศและต่อธุรกิจตนเองเพิ่มอยู่ที่ 50.1 และ 60.1 จาก 46.5 และ 48.0
• แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เผยเมื่อเร็ว ๆ นี้กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้ผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (ทินเพลต) ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระป๋องเหล็กทินเพลตปรับขึ้นราคาแล้ว หลังจากพิจารณาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นจริง โดยผู้ผลิตทินเพลตได้แจ้งขอปรับราคาจำหน่ายมายังกรมว่าจะปรับเพิ่มทินเพลตขึ้นอีกตันละ 5,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.นี้ แต่คาดว่ากรมพิจารณาให้ปรับราคาจำหน่ายเหล็กแผ่นเคลือบดีบุกแค่ตันละ 4,270 บาท และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียมตันละ 3,670 บาท และมีผลหลังสิ้นเดือนม.ค.นี้