นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ผู้บริหารร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 56 จะขยายสาขาของร้าน 7-11 ในประเทศไทยเป็น 7,000 แห่ง และเพิ่มสัดส่วนสาขาของร้านแฟรนไชน์ซี่เป็น 58% จากปัจจุบันมีจำนวนสาขา 5,300 แห่ง ซึ่งเป็นร้านแฟรนไชน์ซี่ 49%
และวันนี้ บริษัทได้ลงนามกับ ธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) เพื่อจัดบริการสินเชื่อพิเศษให้ผู้ประกอบการแฟรนไชน์ 7-11 สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวว่า ธนาคารได้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการร้าน 7-11 โดยเสนอดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาชำระคืนหนี้นาน 10 ปี โดยธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีแรกจำนวน 300 ล้านบาท โดยมองว่าธุรกิจร้าน 7-11 มีโอกาสเติบโตสูง และมีรูปแบบการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานของ CPALL ทำให้ธนาคารพร้อมสนับสนุนเงินทุนแก่นักธุรกิจที่สนใจเปิดร้าน
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ SCB กล่าวว่า ในปี 53 ธนาคารมีนโยบายปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจให้เติบโตสอดคล้องกับสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงเป็นพันธมิตรกับ CPALL นำเสนอสินเชื่อธุรกิจแฟรนไชน์ และสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยได้เริ่มธุรกิจเป็นของตัวเอง
ทั้งนี้ SCB เสนอเงื่อนไขสินเชื่อวงเงิน 1-1.5 ล้านบาท/ร้าน มีระยะเวลาชำระคืนหนี้สูงสุด 5-8 ปี อัตราดอกเบี้ยปีแรก MRR-2.25%, ปีที่ 2 MRR-1.75% , ปีที่ 3 MRR-1.25% หลังจากนั้น คิดดอกเบี้ย MRR-0.25% คิดค่าธรรมเนียมอำนวยสินเชื่อ 0.25% ของวงเงินกู้
ส่วน SCIB ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 3.5 ล้านบาท/ร้าน ระยะเวลาชำระคืนหนี้ 8 ปี กำหนดดอกเบี้ยปีแรก MLR-2% , ปีที่ 2 MLR-1.50% , ปีที่ 3 MLR-1% หลังจากนั้นคิดอัตรา MLR ตลอดอายุสัญญา ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
และ KBANK ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 2.5 ล้านบาท/ร้าน ระยะเวลาชำระคืนหนี้ 5-10 ปี อัตราดอกเบี้ยปีแรก MLR-2%, ปีที่ 2 MLR-1.5% , ปีที่ 3 MLR-1% หลังจากนั้น คิดอัตรา MRL ตลอดอายุสัญญา