โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.การบินไทย(THAI) มองเป็นหุ้น turn around ซึ่งมองว่าได้ผ่านจุด bottom ไปแล้ว และผลประกอบการปี 53 น่าจะเติบโตได้ดีขึ้น โดยคาดกำไรปีนี้เติบโตก้าวกระโดดจากปี 52 เป็นผลจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและยังดีต่อเนื่องมาจนปีนี้ เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นขึ้น
ทั้งนี้ ยังคาดว่างวดไตรมาส 4/52 จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(FX)ด้วย จากเดิมที่ขาดทุน FX มาโดยตลอด โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ THAI ในงวดไตรมาส 4/52 จะมีมากกว่า 7,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ THAI สามารถลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลงได้ภายหลังจากที่นำแผนฟื้นฟูฯเข้ามาใช้ ทำให้ส่งผลดีต่อ operation ของบริษัทฯ โดยเฉพาะเรื่องที่มีการทำประกันความเสี่ยงกับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น
พร้อมคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในปี 53 อยู่ในช่วง 2,200-7,157 ล้านบาท(บางโบรกฯยังไม่คิดรวม FX) เพิ่มขึ้นจากปี 52 คาดกำไรสุทธิ 1,263-3,680 ล้านบาท แต่บางโบรกเกอร์ยังคาดว่าจะขาดทุน 164 ล้านบาทในปี 52
อย่างไรก็ตาม THAI ยังมีเรื่องแผนการเพิ่มทุนที่ยังกดดันอยู่ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2—3 ปีนี้ อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเรื่องการเมืองด้วย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
BNP Paribar ซื้อ 24.00
บล.กสิกรไทย ซื้อ 28.00
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 25.00
บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 28.00
บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 24.00
บล.ดีบีเอส (ประเทศไทย) ซื้อ 23.80
บล.ธนชาต ซื้อ 24.00
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)กล่าวว่า ได้แนะนำ"ซื้อ"หุ้น THAI ด้วยราคาเป้าหมาย 23.80 บาท/หุ้น และมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มประมาณการขึ้นอีก เนื่องจากมีมุมมองต่อ THAI ที่ดี เป็นภาพของ turn around โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของ THAI จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่าปี 53 กำไรจะเติบโตได้ดีราว 400% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 52 โดยกำไรสุทธิในปีนี้จะมีถึง 7,157 ล้าบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 52 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,263 ล้านบบาท
ทั้งนี้ เป็นผลจากการท่องเที่ยวที่มีการฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและยังดีต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ และ THAI สามารถลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลงได้ ภายหลังจากที่นำแผนฟื้นฟูฯเข้ามาใช้ ส่งผลดีต่อ operation ของบริษัทฯ โดยเฉพาะเรื่องที่มีการทำประกันความเสี่ยงกับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อความลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน
นายพิชัย เลิศสุพงษ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต ให้เหตุผลของการแนะนำ"ซื้อ"หุ้น THAI ว่าเป็นผลจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น และ THAI ยังได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ด้วย โดยอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร(Cabin Factor) ของ THAI ดีขึ้นมาอยู่ที่ 75% ในช่วง Q4/52 จาก 74% ในช่วง Q3/52 และ Cabin factor ของ THAI ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยอยู่ที่ระดับ 82% ในเดือนม.ค.53 และมียอดการจองแล้ว 75% ในเดือนก.พ.53 จึงได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน Cabin factor ขึ้นมาอยู่ที่ 75% จาก 72% สำหรับปี 53
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของปี 53 ไว้ที่ 7,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากปี 52 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 3,680 ล้านบาท(ไม่รวมรายการพิเศษ)
นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ"หุ้น THAI เนื่องจากผลการดำเนินงานดีขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และยังคาดว่าจะงวดไตรมาส 4/52 จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(FX)ด้วย จากเดิมที่ขาดทุน FX มาโดยตลอด โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ THAI ในงวดไตรมาส 4/52 จะมีมากกว่า 7,000 ล้านบาท
แต่สำหรับในปี 53 คาดว่า THAI จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 ซึ่งปีนี้ THAI มีโอกาสที่จะพลิกกลับมาเป็นผลกำไร โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2,200 ล้านบาท(ไม่รวม FX) จากที่คาดว่าปี 52 จะขาดทุน 164 ล้านบาท
"ตอนนี้ก็ถือได้ว่า THAI ได้ผ่านจุด bottom ไปแล้ว และผลกำไรก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นขึ้น แต่ถึงกระนั้น THAI ก็ยังมีเรื่องแผนเพิ่มทุน ซึ่งก็ไม่รู้จะออกมายังไง และคงจะมีผลกระทบด้วย และยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเรื่องการเมืองด้วย ซึ่งอาจจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน"นายถนอมศักดิ์ กล่าว
น.ส.ดาวดี ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น THAI เนื่องจากมองว่า THAI ได้ผ่านช่วงของความเลวร้ายไปแล้ว ดังนั้น ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/52 จนถึงไตรมาส 1/53 น่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าปีนี้จำนวนผู้โดยสารน่าจะเติบโตขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี THAI ยังมีประเด็นเรื่องการเพิ่มทุนที่กดดันอยู่ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2—3/53