(เพิ่มเติม) IRPC คาดกำไรปี 53 ดีตามมาร์จิ้นปิโตรฯ-ออกสินค้าใหม่,มีแผนขยายผลิต ABS

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 3, 2010 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่าในปี 53 คาดว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงกว่าปี 52 เนื่องจากเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ธุรกิจปิโตรเคมีมีแนวโน้มดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากความต้องการของประเทศจีนยังมีค่อนข้างมาก เป็นผลจากการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปที่เซี่ยงไฮ้ และการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ในปลายปีนี้

รวมทั้งบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มสไตรีนิค(Styrenic) 5 ชนิด และมีแผนเปิดตัวเพิ่มเป็น 10 ชนิดภายในปีนี้ ถือว่าเป็นการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ด้านเม็ดพลาสติกและโพลิเมอร์ให้มีคุณภาพระดับสากล ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลาย เชื่อว่าสินค้าเหล่านี้จะผลักดันให้การทำกำไรดีขึ้น

"สินค้าปิโตรเคมีปีนี้มีมาร์จิ้นดีขึ้นจากราคาน้ำมัน side way รวมทั้งสินค้า Speciality ที่มีมาร์จิ้นดีไม่วูบวาบทำให้คุณภาพการทำกำไรดีขึ้น"นายไพรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายกำลังการผลิต ABS อีก 6 หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบันผลติที่ 1.2 แสนตัน/ปี เป็น 1.8 แสนตัน/ปี ภายในปี 55 ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตอบรับของลูกค้ามากน้อยแค่ไหน โดยรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งใช้เป็นชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมเงินลงทุนประมาณ 77 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ในงบลงทุน 5 ปีของบริษัท

"เรามีแผนขยาย ABS อีก 6 หมื่นตัน รองรับสินค้าใหม่ให้เร็วที่สุด...เราคิดว่า การลงทุน ABS เราเดินมาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ในอนาคต ตัวสินค้ากลุ่มสไตรรีนิค จะเป็นตัวทำเงินเป็นหลัก"นายไพรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาวิจัยต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาจากปกติใช้งบลงทุนปีละ 80 ล้านบาท เพราะเห็นว่าการพัฒนาสินค้าของบริษัททำให้มีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างให้เป็นสินค้าระดับพรีเมียม ซึ่งสินค้าใหม่ที่เปิดตัววันนี้ได้จดลิขสิทธิ์ โดยเบื้องต้นจะส่งออกไปในยุโรปและญี่ปุ่น รวมทั้งตลาดในประเทศ

ทั้งนี้ สินค้าใหม่ 5 ชนิด ได้แก่ (1) Green ABS เป็นการผลิตพลาสติกที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบแทนยางสังเคราะห์ซึ่งเป็นรายแรกของโลก คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 56 โดยคาดว่าจะต้องใช้น้ำยางธรรมชาติมากกว่า 4.5 พันตัน/ปี จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 1.2 แสนตัน/ปี

(2) สารเติมแต่ง Anti-Dripping สำหรับโพลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการหยดตัวของโพลิเมอร์เมื่อติดไฟ โดยใช้เทคนิคแบบใหม่ในรุปแบบผงให้ง่ายต่อการจัดแก็บและขนส่งรายแรกของภูมิภาค คาดว่าจะสามารถผลิตได้เป็นจำนวน 1,200 ตัน

(3) MBS เป็นสารเติมแต่งชนิดผลที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกที่ต้องการเพิ่มคุณสมบัติความทนทานต่อแรงกระแทกของพลาสติกทั้งชนิดโปร่งแสงและทึบแสงเป็นแรายแรกของประเทศ

(4) ผลิตภัณฑ์ Anti-Bacteria ที่ใช้ผสมกับเม็ดพลาสติกเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตและกำจัดแบคทีเรียเพื่อให้ผลิตสินค้าที่เน้นความสำคัญด้านสุขภาพและความสะอาด เช่นสินค้าสุขภัณฑ์ ทั้งนี้ บริษัทอาจจะร่วมกับผู่ผลิตออกผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน

และ (5) ABS Powder เป็นผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์ชนิด ABS ในรูปแบบผง ที่มีคุณสมบัติทนต่อแรงกระแทก , ทนความร้อน และ ทนแรงกระแทก ของพลาสติกต่างๆ ผลิตได้จำนวน 6.2 พันตัน ซึ่งได้ส่งขายไปที่ญี่ปุ่นล็อดแรก ราคาสูงกว่า ABS กว่า 100% แต่มาร์จิ้น สูงกว่า 300%

"จุดแข็งของเราผลิต ABS เรามุ่งพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เน้นพัฒนาเทคโนโลยีเป็นหลัก ..ความสำเร็จครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของการเป็นบริษัทไทยที่เป็นบริษัทปิโตรเคมีครบวงจรชั้นนำของภูมิภาคเอเชียในปี 57 มากขึ้น " นายไพรินทร์ กล่าว

นายไพรินทร์ กล่าวต่อว่า บริษัทเตรียมพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ในเขตโรงงานของบริษัทให้กับทางเครือ PTT เข้าไปลงทุน โดยมองว่าปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดยังไม่สิ้นสุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ