(เพิ่มเติม) OISHI เผยปี 53 ตั้งงบ 300 ลบ.ขยายร้านอาหารอีก 30 สาขา,เจรจาแบรนด์เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 4, 2010 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บมจ. โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) กล่าวว่า บริษัทมีแผนรุกธุรกิจอาหารมากขึ้นในปีนี้ โดยตั้งงบลงทุนถึง 300 ล้านบาทในการเปิดสาขาทุกแบรนด์ไม่ต่ำกว่า 30 แห่ง จากที่เคยเปิดเฉลี่ย 20 แห่งในปีที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งจะเน้นในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีการเจรจาแบรนด์อาหารญี่ปุ่นเพิ่ม คาดว่าจะสรุปได้อย่างน้อย 1 รายภายในปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จากธุรกิจอาหารจะเติบโตราว 25% แตะระดับ 4 พันล้านบาทในปี 53 ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้เติบโต 20% เป็น 8.4 พันล้านบาท ซึ่ง OISHI ตั้งงบการตลาดร้านบุฟเฟ่ต์ในเครือรวมกันกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ทั้งเครือจะใช้งบการตลาดราว 12-14% ของยอดขาย

นายตัน กล่าวถึงแผนการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสาขาร้านทุกแบรนด์เป็น 139 สาขาในปีนี้ จากเดิมที่มีอยู่ 109 สาขา โดยจะใช้งบลงทุน 300 ล้านบาท ถือว่าเป็นการขยายสาขามากสูงที่สุด จากปกติที่เคยขยายสาขาปีละ 20 สาขา ด้วยงบลงทุน 200 ล้านบาท โดยในปีนี้จะเน้นไปหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนสาขาต่างจังหวัดเป็น 20% จากขณะนี้ 10% ที่เหลือเป็นสาขาในกทม.ซึ่งในวันที่ 14 ก.พ.นี้จะเปิดร้านสาขาชาบูชิที่ จ.อุดรธานี

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของแบรนด์อาหารญี่ปุ่นเพิ่มอีกหลายราย ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จการขยายสาขาในปีนี้ก็อาจจะมากกว่า 30 สาขา โดยคาดว่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นปีนี้น่าจะยังเติบโตได้ 10-15% เพราะแนวโน้มยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคค่อนข้างมาก

นายตัน กล่าวว่า บริษัทจะออกแคมเปญเพื่อส่งเสริมยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดออกแคมเปญ"โชกุนชวนชิม 4 เมือง"นำอาหารญี่ปุ่นจาก 4 เมืองดังมาให้บริการกับลูกค้าในร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น"โออิชิ"ทุกสาขา เช่น ขาปูยักษ์จากฮอกไกโดที่มีขายช่วง ก.พ.-เม.ย., ปลาฮามาจิจากโอซาก้า ช่วง พ.ค.-ก.ค., กุ้งหวานอามะ จากอาโอโมริ ส.ค.-ต.ค., ปลาหิมะ จากเกียวโต พ.ย.53-ม.ค.54 ซึ่งจะใช้งบการตลาดราว 80 ล้านบาท

แคมเปญดังกล่าวจะให้บริการพิเศษเพิ่มจากรายการอาหารปกติกว่า 150 รายการหมุนเวียนประจำทุกวันโดยยังคงค่าบริการเท่าเดิม ซึ่งเชื่อว่าแคมเปญนี้น่าจะผลักดันยอดขายร้านโออิชิให้เติบโตได้ราว 20% สำหรับการสั่งซื้อวัตถุดิบนั้นจะซื้อเป็นล็อตใหญ่สั่งล่วงหน้าในราคาพิเศษ โดยจะทำให้การนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มเป็น 70% จากเดิม 50% ราคาจะลดหลั่นตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ซื้อ ณ ช่วงเวลานั้น

"การลงทุนในธุรกิจอาหารปีนี้จะสูงที่สุด ปีนี้พิเศษกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เพราะนำเข้าของดีจากเมืองนั้นๆ มา และช่วงปลายปีก็อาจจะมีแคมเปญบุฟเฟ่ต์อื่นๆออกมาอีก"นายตัน กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ