โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(ROJNA) มองปี 53 ธุรกิจเติบโตกว่าปี 52 ทั้งจากแนวโน้มการขายที่ดินล็อตใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรกราว 200 ไร่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา และโอกาสการขายที่ดินเพิ่มให้กับโรงงานยาสูบเพิ่มอีก รวมทั้ง รายได้จากค่าบริการสาธารณูปโภคค่าน้ำ-ค่าไฟในนิคมอุตสาหกรรมที่น่าจะสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคการผลิต
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กำลังเตรียมแผนงานพัฒนาที่ดินเปล่า 7 ไร่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมช่วงปลายปีนี้ ทำเลดีติดกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่าน ขณะที่รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมในจีนจะเข้ามาราว 1.9 พันล้านบาท และเปิดขายเฟส 2 แล้ว
และยังมองเป็นหุ้นที่กระจายความเสี่ยงด้านรายได้จากหลากหลายธุรกิจ และอัตราการจ่ายเงินปันผลในปี 52 คาดว่าจะอยู่ในระดับดี ประเมินอัตราผลตอบแทนราว 5.6-5.9%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.บัวหลวง ซื้อ 14.40 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 14.00 บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ซื้อ 12.13 บล.กสิกรไทย ซื้อ 11.50 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเมื่ออ่อนตัว 14.00
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) คาดว่า ในปี 53 ROJNA จะมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง 27% จากปี 52 ที่เติบโต 20% โดยจะมาจากการเติบโตของธุรกิจบริการสาธารณูปโภคทั้งขายไฟฟ้าและน้ำประปาในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% และรายได้จากคอนโดมิเนียมในจีนที่คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 1,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63% จากปีก่อน และปี 54 ก็ยังรับรู้รายได้คอนโดมิเนียมในจีนต่อเนื่องอีกประมาณ 1,520 ล้านบาท
ส่วนยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม คาดว่าทรงตัว โดยปี 53 ประเมินยอดขาย 380 ไร่จากปีก่อนที่ขายได้ 376 ไร่
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทมีแผนจะสร้างคอนโดมิเนียในประเทศบนที่ดินเปล่า 7 ไร่ติดกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ เตรียมเปิดขายปลายปีนี้ คาดมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้ในปี 55 และมีแนวโน้มจะขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมได้ประมาณ 200 ไร่ในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าอยู่
"แนวโน้มธุรกิจเติบโตกำไรก็มีนนวโน้มดีอยู่ จากคอนโดมิเนียม และธุรกิจขายไฟฟ้าและสาธารณูปโภค เพียงแต่ตอนนี้อาจจะมีเรื่องภาพอุตสาหกรรมไม่เชื่อมั่นจากกรณีมาบตาพุดและปัญหาการเมือง แต่เขาไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง...คิดว่าตลาดแบบนี้ค่อยๆ ทยอยสะสมไป เพราะไม่รู้ว่าราคาต่ำสุดอยู่ที่ไหน"นายสมบัติ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าภายในนิคมฯ อยู่ 265 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 90 เมกะวัตต์
ด้านนักวิเคราะห์ จาก บล.ทรีนิตี้ เห็นว่า หุ้น ROJNA น่าสนใจลงทุน เนื่องจากแนวโน้มรายได้จากค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภคดีขึ้น ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท(มีสัดส่วน 55%)จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวทำให้โรงงานมีการขยายงานเพิ่มจากปีก่อน และรายได้จากธุรกิจคอนโดมิเนียมในจีนปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 1 พันล้านบาท
ขณะที่คาดว่ายอดขายที่ดินในปีนี้จะขายได้ 400 ไร่ ซึ่งโรงงานยาสูบมีแนวโน้มซื้อที่ดินเพิ่มหลังจากที่ได้ซื้อที่ดินไปแล้ว 242 ไร่ จากความต้องการที่ดินทั้งหมด 500 ไร่ ทำให้ ROJNA มีโอกาสสูงที่จะขายที่ดินเพิ่มให้กับโรงงานยาสูบ
"ความน่าสนใจของบริษัท เป็นหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงของรายได้ ทั้งรายได้จากไฟฟ้า คอนโดมิเนียม ขายที่ดินในนิคม ...ตอนนี้ตลาดหุ้นลงก็เป็นโอกาสเข้าไปซื้อได้" นักวิเคราะห์กล่าว
นอกจากนี้ คาดปี 52 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 5.6% จากปีก่อนที่จ่ายปันผลในอัตรา 0.25 บาท
บทวิเคราะห์ของ บล.บัวหลวง ระบุว่า ROJNA เป็นหุ้นแนะนำ“ซื้อ"อันดับแรกในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยคาดว่าบริษัทจะทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ในปีนี้ ปัจจัยหลักจากยอดขายคอนโดมิเนียม และภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัว ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นแพ้ตลาดอยู่ 13% (หลังจากศาลปกครองกลางระงับการดำเนินงานหลายโครงการในมาบตาพุด) ส่งผลให้ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 53 เพียง 7.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 10.3 เท่า
นอกจากนี้ ณ ราคานี้ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลจากผลประกอบการปี 53 สูงถึง 8.9%
บริษัทยังมีแนวโน้มดีสำหรับยอดขายที่ดินซึ่งน่าจะมีดีลใหญ่ กว่า 200 ไร่ในครึ่งปีแรก จากเป้าหมายที่บริษัทคาดยอดขายที่ดิน 400-500 ไร่ในปีนี้ ส่วนยอดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำในปี 53 จะเพิ่มขึ้น 9.5% และ 21% ตามลำดับ
บล.บัวหลวง มองว่า ปัจจัยต่อไปที่ผลักดันกำไรคือการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่บนที่ดิน 7 ไร่ติดกับเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ และสถานีนนทบุรี 1 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงในไตรมาส 3/53 คาดว่ามูลค่าโครงการจะอยู่ประมาณ 1.2-1.5 พันล้านบาท การก่อสร้างน่าจะเริ่มในไตรมาส 3/53 และจะเริ่มโอนในปี 55 ซึ่งจะหนุนแนวโน้มกำไรในปี 55 อย่างมาก