หุ้น IVL เปิดเทรดวันแรกที่ 10.00 บาท ลดลง 1.96% จากราคา IPO ที่ 10.20 บาท/หุ้น
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)ด้วยราคาเป้าหมายปี 53 ที่ 12.60 บาท/หุ้น มองผลประกอบการ IVL มีกำไรสุทธิรวมในช่วง 9M52 ที่ 3,446 ล้านบาทมากกว่าเมื่อเทียบกับกำไรทั้งปีของปี 51 ที่ 2,656 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการทั้งปี คาดว่า IVL จะมีกำไรสุทธิของปี 52 ประมาณ 4,470 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 68%yoy ส่วนในปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีเหตุผลหลักจากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิต PET ใหม่อีก 4 แสนตัน (โรงงาน Alpha Pet ในอเมริกาเริ่มทำการผลิต) โดยคาดกำไรสุทธิในปีนี้ประมาณ 5,454 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 22%yoy
IVL ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีธุรกิจในเครือเป็นการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี คือ PET เป็นพลาสติกโพลีเมอร์ นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตขวดเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์อาหาร, เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ และ PTA เป็นกรดอินทรีย์ในรูปผงแป้งสีขาวละเอียด ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิต PET และ ผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์อื่น ๆ โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตเส้นใยโพลีเอสเอสเตอร์รายใหญ่อันดับ 1 ของประเทศและเป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ด้านบล.ธนชาต แนะ"ซื้อ"หุ้น IVL ถึงแม้ว่าอุตสาหรรม PTA จะมีความผันผวนมากกว่า แต่ IVL มีงบดุลที่แข็งแกร่งกว่า โดยคาดว่ามีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ 0.9 เท่า, ให้ ROE ที่ 30%, cashflow yield ที่ 15%, มี market cap สูงกว่า IRP 2 เท่า ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีสภาพคล่องในการซื้อขายเพิ่มขึ้น และมีโอกาสในการเติบโตที่ดีกว่า เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีการผลิตแบบครบวงจร ณ ระดับราคา IPO ที่ 10.2 บาท/หุ้น IVL มีมูลค่าที่ถูกกว่า โดยซื้อขายที่ P/E ที่ 6.6 เท่าในปี 2010E เทียบกับระดับเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 12.4 เท่า ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมาย DCF (WACC 11%)ที่ 13 บาท/หุ้น คิดเป็น P/E ที่ 8.5 เท่า
เนื่องจากบริษัทฯ มีสไตล์การบริหาร โดยการผลักดันการเติบโต ผ่านทางการทำ M&A และการขยายธุรกิจ จึงคาดว่า IVL จะประการการลงทุนใหม่ในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ BRIC, ประเทศในตะวันออกกลาง, และยุโรป ถึงแม้ว่าการลงทุนจะช่วยผลักดันการเติบโตในอนาคต แต่ก็ทำให้ FCF yield ลดลงเช่นกัน ผู้บริหารตั้งเป้าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิไว้ที่ไม่เกิน 1.5 เท่า ขณะที่เราคาดไว้ที่ 0.9 เท่า ณ สิ้นปี 2010E
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ IVL ดีกว่าอุตสาหกรรม คือต้นทุนการผลิตที่ต่ำของบริษัทฯ เนื่องจากมีการประหยัดจากขนาด มีการผลิตแบบครบวงจร และมีทำเลที่ตั้งโรงงานครอบคลุมพื้นที่หลายแห่ง และเพื่อทำให้ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง(80% ของต้นทุนรวม) IVL จึงสั่งซื้อวัตถุดิบพร้อม Indorama group ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ซื้อ MEG และ PE รายใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากทำให้บริษัทฯ มีอำนาจต่อรองราคามากขึ้น
อีกทั้ง IVL ยังได้ประโยชน์จากการมีโรงผลิตในตลาดหลัก อาทิเช่น ตลาดเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดต้นทุนขนส่งเท่านั้น (10% ของต้นทุนรวม) แต่ยังทำให้ spread คงที่ และยังหลีกเลี่ยงการคุกคามทางการค้าอีกด้วยเติบโต แม้อยู่ช่วงต่ำสุดของวงจรอุตสาหกรรม