ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กสามารถดีดขึ้นกลับมาปิดในแดนบวกได้สำเร็จเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงก่อนปิดตลาด หลังจากที่การเปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานและปัญหายอดขาดดุลงบประมาณในยุโรป ส่งผลให้ตลาดทรุดหนักในการซื้อขายระหว่างวัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 10.05 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 10,012.23 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 3.07 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 1,066.18 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 15.69 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 2,141.12 จุด
ปริมาณการซื้อขายรวมในตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ที่ 1.244 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 17 ต่อ 13
โดยดาวโจนส์กลับมายืนอยู่เหนือระดับ 10,000 จุด หลังจากที่ทรุดลงต่ำกว่าระดับ 9,900 จุดในการซื้อขายระหว่างวัน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเคลื่อนตัวผันผวนในการซื้อขายช่วงเช้า เนื่องจากนักลงทุนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับรายงานตัวเลขเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราว่างงานที่กระทรวงแรงงานได้เปิดเผยก่อนตลาดหุ้นเปิดทำการ
โดยรายงานซึ่งเป็นที่จับตามองของตลาดอย่างมาก เผยให้เห็นภาพรวมที่ยังผสมผสานกันในตลาดการจ้างงาน
นักลงทุนยินดีต่ออัตราว่างงานซึ่งลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9.7% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 10% หรือขยับขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรลดลง 20,000 ตำแหน่ง สวนทางกลับที่ตลาดประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 15,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจเป็นไปอย่างชะลอตัว
ขณะที่ในช่วงบ่าย ตลาดหุ้นทรุดหนักลงจากความวิตกปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในยุโรป ซึ่งกดดันให้เงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์เป็นสัปดาห์ที่สี่ โดยเมื่อวานนี้ เงินดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ทรุดลงทั่วโลกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จากความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่า ประเทศในยุโรปจะผิดนัดชำระหนี้ โดยสเปนและโปรตุเกสเป็นสองประเทศล่าสุดในยูโรโซนที่สร้างความหวั่นเกรงให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับยอดขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่กรีซได้สร้างความหวาดกลัวให้กับตลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ดี ตลาดกลับมาดีดขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด
ซิสโก้ ซีสเต็มส์ ดีดขึ้น 2.3% และอินเทล คอร์ป พุ่ง 2.4% นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มวัตถุดิบก็กลับมาดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยอัลโค อิงค์ บวก 2.1%