SSI คาดกำไรปี 53 โตสุงสุด-รายได้เพิ่มเป็น 5 หมื่นลบ.,เล็งขยายไป ตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 8, 2010 10:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) เชื่อปี 53 เข้าสู่ช่วงปีทองคาดกำไรพุ่งพรวดจากปี 52 ที่สามารถพลิกมีกำไรได้ 1.27 พันล้านบาทจากรายได้ 3.3 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 50% จากปีก่อน ด้วยปริมาณขายเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 แสนตัน จากปีก่อนที่มีปริมาณขาย 1.75 แสนตัน

และปีนี้คาดอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยราว 17% เชื่อราคาขายเหล็กแผ่นรีดร้อนจะมีราคาเฉลี่ย 21,000 บาท/ตัน หรือ 600 เหรียญ/ตันช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ดี เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ และจะเพิ่มสัดส่วนส่งออกเป็น 15% จาก 10% ในปี 52 ตลาดหลักยังคงเป็นอาเซียนและตะวันออกกลาง

"หลังจากที่เราผ่านความผันผวนเหล็กสูงสุด และพลิกกลับมาสู่ความเข้มแข็งอย่างชัดเจนในรอบปีนี้(53) เราอยากเพิ่มยอดขายที่ได้แรงส่งจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เราตั้งเป้าไว้ 5 หมื่นล้านบาท เราหวังว่าจะทำกำไรได้ดีเหมือนที่เราทำมา 2 ไตรมาสที่ผ่านมา(ไตรมาส3/52-4/52) น่าจะรักษาระดับการทำกำไรได้...คิดว่ารายได้กับกำไรปีนี้จะขึ้นไปสูงกว่าที่เคยทำมา"นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI กล่าว

นายวิน กล่าวถึงแนวโน้มเติบโตที่ดีในไตรมาส 4/52 ว่า ราคาขายเพิ่มขึ้นมาระดับ 21,000 บาท/ตัน จากต้นปี 52 ที่ราคาร่วงตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ได้ดีขึ้นเป็น 17% ยิ่งมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถทำผลงานได้ดี หลังจากกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับ 70% จากปีก่อนอยู่ที่ 40% ช่วยทำให้ต้นทุนลดลงและมาร์จิ้นดีขึ้นใกล้เคียงในไตรมาส 4/52 แม้ว่าราคาวัตถุดิบจากไตรมาส 4/52 มาถึงขณะนี้จะขยับขึ้นมาแล้วประมาณ 5% แต่คาดว่าไม่น่าจะขึ้นไปมากกว่านี้ ขณะที่มีแนวโน้มค่าระวางเรือ และต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น

แต่ก็เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่มั่นคง ความต้องการใช้จึงไม่ร้อนแรงมากนัก แต่เฉพาะในตลาดเอเชียยังมีความต้องการสูง ก็น่าจะช่วยดึงราคาขายสูงขึ้นไปพอสมควร และเขาเองก็พอใจกับสภาพนี้ เพราะจะทำให้ราคาวัตถุดิบไม่ปรับขึ้นสูงไปมาก ซึ่งอาจกระทบกับมาร์จิ้นได้

บริษัทมั่นใจว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดในประเทศมากขึ้นในปีนี้ หลังจากคู่แข่งในประเทศสูญเสียการแข่งขันไม่สามารถเดินเครื่องผลิตได้ ประกอบกับ ความต้องการใช้โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้น่าจะกลับมาผลิตรถยนต์เพิ่มเป็น 1.2 ล้านคัน ช่วยให้ บมจ.เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย(TCRSS)ซึ่งบริษัทถือหุ้นใหญ่ 50.15% มียอดขายสูงขึ้นด้วย ปีนี้คาดว่าจยอดขายกระโดดเป็น 8 แสนตัน จากปีก่อนที่ทำได้ 4.2 แสนตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 1.2 ล้านตัน

ทั้งนี้ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ประเมินความต้องการใช้เหล็กในประเทศปี 53 เพิ่มขึ้น 12.3% ขณะที่บริษัทประมาณการว่า ปริมาณการบริโภคเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนในไทยจะยังขยายตัวอยู่ที่ 4.27 แสนตัน จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่นอุตสาหกรรมยานยนต์ , พลังงาน , ก่อสร้าง

ขณะเดียวกัน บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการส่งออกในปีนี้ เป็น 15% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 10% โดยตลาดหลักยังอยู่ที่อาเซียน ซึ่งปีนี้ประโยชน์จากข้อตกลงของเขตการค้าเสรี (AFTA) และจะส่งออกเพิ่มในตลาดตะวันออกกลางด้วย

นายวิน กล่าวว่า ในงวดปี 52 แม้ทำกำไรได้แต่ยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ เพราะบริษัทยังมีผลขาดทุนสะสมกว่า 800 ล้านบาท จากผลขาดทุนในปี 51 จำนวน 5.17 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะสามารถล้างผลขาดทุนสะสมได้หมดภายในปีนี้

*เล็งเทกฯกิจการในตปท. หวังโตก้าวกระโดด

กรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยการเข้าไปซื้อกิจการ หรือ เข้าไปลงทุนใหม่ เพื่อทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยสนใจทื่จะเข้าไปลงทุนกิจการเหล็กต้นน้ำหรือเหมืองแร่เหล็ก และเน้นกิจการในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบ แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก และงบลงทุนยังไม่ชัดเจน เพราะต้องขึ้นอยู่กับการเจรจา

อย่างไรก็ตาม สถานะการเงินของบริษัทในขณะนี้มีความแข็งแกร่งขึ้นโดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่ที่ระดับ 1.2 เท่า จากนโยบายที่ให้ D/E ต่ำกว่า 1.5 เท่า และยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้

"ฐานะการเงินวันนี้สามารถขยายการลงทุน โดยสร้างฐานไปในต่างประเทศ ซึ่งเราดูอยู่บางโครงการ ขณะนี้อุตสาหกรรมเหล็กทั้งในอาเซียนอ่อนแอลลงจากภาวะเศรษฐกิจ ถ้าเราเข้าลงทุนน่าจะก้าวไปข้างหน้าได้เร็ว" นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าวว่า เท่าที่เห็นวันนี้ในมาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีโรงผลิตเหล็กกล้า นำไปผลิตเป็นเหล็กพรุนที่สามารถเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กแผ่นได้ แต่ยังกังวลกับ AFTA ที่อาจมีกฎเกณฑ์เอื้อประโยชน์ให้กับมาเลเซียและอินโดนีเซีย

ขณะเดียวกัน เครือสหวิริยายังไม่สามารรถเดินหน้าโครงการถลุงเหล็ก และได้ระงับโครงการไปเมื่อ มิ.ย.52 และเห็นว่าคงใช้เวลานานในการเข้าไปทำโครงการต่อ รวมทั้ง SSI ไม่มีแผนขยายกำลังการผลิต หลังจากที่มีมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญ ที่ส่งผลให้โครงการในพื้นที่มาบตาพุดชะลอไป ดังนั้นทำให้บริษัทต้องระมัดระวังในการลงทุน

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาทใช้ในการซ่อมบำรุงและปรับปรุงเครื่องจักร

SSI เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน(Hot Rolled Coil) รายใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีกำลังการผลิต 4 ล้านตัน/ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ