นายสมโพธิ์ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 53 จะอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 4.06 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและปริมาณการใช้น้ำเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากปลายปี 52 ประกอบกับ ไตรมาส 3/53 บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4.4 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน จากเดิม 3.2 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน
ทั้งนี้ ปริมาณการใช้น้ำกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3-4/52 จากครึ่งปีแรกที่ปริมาณการใช้น้ำติดลบ จึงทำให้ทั้งปี 52 ปริมาณการใช้น้ำบวก 1% และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10% คาดว่าสัดส่วนรายได้ในปีนี้ 60% จะมาจากกิจการของน้ำประปาไทย และ 35% มาจากน้ำประปาปทุมธานี ส่วนอีก 5% มาจากน้ำประปาบางประอินที่รับรู้รายได้เต็มที่ในปีนี้จากปีก่อนที่รับรู้ฯ แค่ 4 เดือน
ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตสูงกว่าอัตราเติบโตของรายได้ เนื่องจากการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายและยังการปรับขึ้นราคาขายน้ำ 4% ในช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา จาก 23.50 บาท/ลูกบาศก์เมตร
"มั่นใจว่าปีนี้จะเติบโตทั้งรายได้และกำไร เพราะได้มีการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างบริษัท ทั้งด้านผลิต การเงิน โครงสร้างองค์กร ยังมองกิจการขยายกำลังการผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย" นายสมโพธิ์ กล่าว
นายสมโพธิ์ กล่าวว่า บริษัทสนใจเข้าลงทุนธุรกิจน้ำประปาในตะวันออกกลาง คาดว่าจะสามารถสรุปรูปแบบการลงทุนภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับบริษัท ที่ผ่านมาได้เข้าไปเจรจาบ้างแล้ว โดยเท่าที่ดูผู้ประกอบการในตะวันออกลางที่ลงทุนธุรกิจน้ำประปาจะลงทุนในโรงไฟฟ้าด้วย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่สนใจลงทุนในธรกิจน้ำดื่ม และนำดิบ เพราะไม่คุ้มค่าการลงทุน
บริษัทยังมีแผนขยายกำลังการผลิตน้ำประปาในประเทศอีกครั้ง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 54-55 หลังจากเห็นว่าปริมาณการใช้น้ำประหาในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของน้ำประปาไทย ยอดการจ่ายน้ำในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปีก่อนอยู่ที่ 109 ล้านลูกบาศก์เมตร
ในเดือนเม.ย.นี้ บริษัทยังจะขอมติผู้ถือหุ้นในการขยายวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ 3.1 พันล้านบาทให้มีขอบเขตกว่างชึ้นในการนำเงินไปใช้ลงทุนในธุรกิจน้ำประปา ส่วนจะเสนอขายหุ้นกู้ได้เมื่อใดจะขึ้นอยู่กับความชัดเจนการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากการออกหุ้นกู้แล้วบริษัทยังมีช่องทางการในการกู้เงินจากสถาบันการเงินด้วย เพราะปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในระดับต่ำแค่ 1.4 เท่า
ส่วนกรณีการขายที่ บมจ.ช.การช่าง(CK) ขายหุ้น TTW ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับบริษัท แต่ก็ได้เข้าไปตรวจสอบบริษัท ไฮสตีล -โปรดักส์ จำกัดที่เข้ามาซื้อหุ้นจาก CK จำนวน 150 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 4.30 บาทแล้วว่าใครเป็นผู้ถือหุ้น และไม่กังวลหากไฮสตีลจะขายหุ้นออกมา เพราะมองว่าอย่างน้อยก็เป็นการเพิ่มฟรีโฟลตให้ตลาดหุ้น ซึ่งจะทำให้หุ้นของบริษัทมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า CK จะยังมีนโยบายที่จะขายหุ้น TTW ออกมาอีก แต่ก็เชื่อว่าในที่สุด CK ก็จะยังคงถือหุ้นไม่ต่ำกว่ากลุ่มมิตซุยที่ถือหุ้นอยู่ 26%
"ผมไม่กังวลเรื่อง CK ขายหุ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกลับมองว่าทำให้ฟรีโฟลตเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำซึ่งจะดีกับเราในการเพิ่มศักภาพให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศสามารถเข้าลงทุนได้"นายสมโพธิ์ กล่าว