นายวิโรจน์ บุญศิริรุ่งเรือง กรรมการ บมจ.แม็ทชิ่ง สตูดิโอ(MATCH)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทมั่นใจว่าในปี 53 บริษัทสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิ จากปี 52 ที่ยอมรับว่ายังขาดทุนจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาการเมืองภายในประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 750 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน
สำหรับรายได้ในปีนี้จะมาจากธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์การถ่ายทำภาพยนตร์ 200 ล้านบาท การผลิตโฆษณา 200 ล้านบาท การทำรายการโทรทัศน์ผ่านฟรีทีวี 200 ล้านบาท นิตยสาร 60 ล้านบาท และ การจัดอีเว้นท์ อีก 100 ล้านบาท อัตรากำไร(มาร์จิ้น)โดยเฉลี่ยในภาพรวมทุกธุรกิจประมาณ 30% โดยเฉพาะธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์มีมาร์จิ้นสูงกว่า 30%
บริษัทเชื่อว่าการเติบโตในปีนี้จะเป็นไปตามทิศทางเดียวกับภาพรวมเศรษฐกิจของไทยที่คาดว่าจะเติบโต 3.5-4% โดยเฉพาะธุรกิจผลิตโฆษณา เนื่องจากแนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาที่น่าจะมีเพิ่มเข้ามามากขึ้น และบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรโดยจูงใจให้พนักงานออกจากการเป็นพนักงานประจำโดยมีผลตอบแทนให้และเปลี่ยนพนักงานฟรีแลนซ์แทน เพื่อให้องค์กรกระชับมากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายคงที่
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า บริษัทอยู่ระหว่างเสนอรายการใหม่ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 อีก 1-2 รายการ คาดว่าจะรู้ผลในช่วงเดือน มี.ค.นี้ จากปัจจุบันที่บริษัทผลิตรายการอยู่แล้ว 3 รายการ โดยรูปแบบรายการยังคงเน้นวาไรตี้เพื่อสังคมที่บริษัทมีความถนัดและได้รับความนิยมอาทิ รายการ"ปลดหนี้ นักขัตฤกษ์" และ"คบเด็กสร้างบ้าน"ที่ทั้งหมดออกอากาศทางช่อง 7 และสร้างรายได้ให้กับบริษัท
ทั้งนี้ ขณะนี้บริษัทยังคงยื่นขอเวลารายการเพิ่มเติมจากช่อง 7 เพียงสถานีเดียวในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งถ้าไม่ได้เวลาเพิ่มก็อาจจะพิจารณาเสนอขอเวลากับสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นเพิ่มเติม
"เรากำลังรอว่าจะได้รายการใหม่เพิ่มเข้ามาหรือไม่ ซึ่งช่อง 7 จะปรับผังเดือนหน้า เขาถือหุ้นเราอยู่จึงเสนอต่อช่อง 7 ก่อน เพราะที่ผ่านมาช่อง 7 ก็สนับสนุนเป็นอย่างดี ช่องอื่นเป็นทางเลือกที่ 2 ที่เราจะเสนอรายการ ส่วนรายได้รายการในฟรีทีวีถือว่าดีอยู่แล้ว หากเพิ่มเข้ามาจะสร้างความสมดุลมากขึ้น"นายวิบูลย์ กล่าว
สำหรับบริษัทลูกของ MATCH ยังคงเดินหน้าสร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยบริษัทให้เช่าอุปกรณ์การถ่ายทำภาพยนตร์ตั้งแต่เดือนม.ค.53 มีลูกค้าซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการและผู้ผลิตภาพยนตร์จากต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศ จากปีที่แล้วที่ได้ไม่เดินทางเข้ามาเพราะวิตกกับปัญหาจากการเมือง แต่ปีนี้สถานการณ์การเมืองเริ่มดีขึ้นบ้างทำให้ต่างชาติไว้วางใจที่จะเดินทางเข้ามาถ่ายทำรายการมากขึ้น
"ตั้งแต่ต้นปีมีลูกค้าทั้งจากเกาหลี ฝรั่งเศส เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์ช่วงเดือนเม.ย.52 มีภาพยนตร์ที่เดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทยกว่า 10 เรื่อง หลังเหตุการณ์นั้นงานหายไปหมด แต่ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นมากหวังว่างานจะกลับเข้ามาเท่าเดิม"นายวิบูลย์ กล่าว
ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำสูงกว่า 30% แม้ว่ามีการลงทุนจำนวนมาก แต่หากมีกองถ่ายทำจากต่างประเทศเข้ามาเช่าในระยะยาว ก็คาดว่าจะใช้เวลาเพียง 6 เดือน-1 ปี สามารถคืนทุนแล้ว จากปกติต้องใช้เวลา 2-3 ปีจะคืนทุน
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ขณะที่ธุรกิจอีเว้นท์ แบ่งเป็นงานจากลูกค้าเก่าที่ได้รับการสนับสนุนจากช่อง 7 เพิ่มมากขึ้น อาทิ การจัดประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 7 สีสัญจร, การจัดแข่งขันกอล์ฟ LPGA ทัวร์ และ การจัดการแสดงพลุ เพิ่มเป็น 5 จังหวัด 4 ภาค ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีการจัดกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บริษัทมีรายได้จากการกิจกรรมต่าง ๆ อย่างแข็งแรง
ส่วนธุรกิจแมกกาซีน ตอนนี้มีนิตยสารเพียง 1 หัวหนังสือ คือ Cheeze แมกกาซีน ซึ่งรายได้โตต่อเนื่อง คาดว่าปี 53 จะเติบโตถึง 40-50% และสามารถทำกำไรได้ดี จึงไม่เป็นภาระต่อบริษัท พร้อมกันนั้น ยังมีการขยายไปยังเว็บไซต์ ซึ่งสร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
ด้านธุรกิจการผลิตภาพยนตร์ยังชะลอออกไปไม่มีกำหนด และคาดว่าปีนี้ยังไม่มีการสร้างภาพยนตร์อีก