นายวิรัตน์ อุดมสินวัฒนา หรือ"เสี่ยวิลลี่" นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่าจะเข้าไปเทคโอเวอร์ บมจ.โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น(FOCUS)ว่า เริ่มต้นเข้ามาถือหุ้นตามประสานักลงทุน เพราะเห็นว่าหุ้น FOCUS น่าลงทุน ก็เลยเข้ามาซื้อลงทุน จากนั้นก็เพิ่มสัดส่วนการลงทุนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเห็นว่าธุรกิจของ FOCUS อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
นอกจากนั้น ยังมีวัตถุประสงค์ที่จะนำธุรกิจในกลุ่มเข้าไปร่วมกับทาง FOCUS ด้วย ส่วนรายละเอียดคงจะต้องหารือกับทาง FOCUS อีกที แต่คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/53
"คือเราเข้ามาเก็บสะสมหุ้น FOCUS ไว้ก่อน อย่างอื่นยังไม่รู้ เพราะมันยังไม่เกิด ก็ยังไม่รู้ เรื่องไม่เกิด เราพูดไม่ได้ คือเราเข้ามาถือหุ้นตามประสานักลงทุน ก็เห็นว่าหุ้นน่าลงทุน เราก็เข้ามาซื้อลงทุน ซื้อได้แค่ไหนก็ซื้อไปเรื่อย ๆ ถึงเวลาก็จะดูสัดส่วนการถือหุ้นก่อน เขาก็ทำของเขาใช้ได้"
"เราก็อาจจะมีอะไรดี ๆ เข้ามาร่วมธุรกิจด้วยกับของเขา ตอนนี้เราขอดูก่อนว่าเราจะร่วมลงทุนกับเขาได้ตามที่เราตั้งเป้าไว้หรือเปล่า เราก็ตั้งเป้าไว้ในใจ...ก็ต้องดูการคุยกันนิดหนึ่ง ทั้งเรื่องการส่งคนเข้าไปร่วมบริหารด้วย คาดว่าจะจบภายในไตรมาสนี้ ส่วนจะทำเทนเดอร์ฯหรือเปล่าจะต้องไปดูรายละเอียดอีกที"นายวิรัตน์ กล่าว
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าว่านายวิรัตน์และกลุ่มเพื่อนเข้าเก็บหุ้น FOCUS และ FOCUS-W1 ซึ่งเฉพาะส่วนตัวงนายวิรัตน์เข้าถือหุ้นราว 5% และหากรวมกลุ่มเพื่อนน่าจะถือหุ้นราว 15%
ขณะที่มีข่าวเช้านี้อีกว่านายอนุชา สิหนาทกถากุล ประธานกรรมการ FOCUS คิดหนักก่อนเปิดศึกชิงหุ้น FOCUS วาง 2 แนวทาง ทางแรกไล่ซื้อหุ้นในกระดานให้มากที่สุด และแนวทางที่ 2 นัดเจรจาเพื่อยุติศึกและขอซื้อหุ้นทั้งหมดที่กลุ่มนายวิรัตน์ถืออยู่ ซึ่งมีผู้ประเมินว่าหากเป็นการเข้าไปไล่ซื้อหุ้นอาจดันราคาหุ้น FOCUS พุ่งพรวดใกล้ 10 บาท
นายวิรัตน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ส่วนตัวถือหุ้น FOCUS อยู่ 5% เศษ ส่วนที่เหลือเป็นของเพื่อน ๆ รวมแล้วถือหุ้นในสัดส่วนเท่าไรก็ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่มีการรวบรวม
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เกิดขึ้นนี้ฟังดูแล้วเกินความจริง เพราะหากราคาหุ้น FOCUS วิ่งขึ้นใกล้ 10 บาทจริง ก็คงจะขายหุ้นออกดีกว่า เป็นนักลงทุนธรรมดาพอแล้ว เพราะราคาหุ้น FOCUS นับตั้งแต่ต้นปี 53 จนถึงปัจจุบันราคาหุ้นก็เคลื่อนไหวอยู่แค่ 2 บาทเศษเท่านั้น หากขึ้นไปใกล้ 10 บาท ก็คิดว่า "คงจะเลิกคิดเอาบริษัทนี้แล้ว"
"ที่ผ่านมาผมก็ดูหุ้นในตลาด mai แทบทุกตัว ก็ดูว่าตัวไหนน่าสนใจที่สุดก็เลือกมา ก็เห็นเขานิ่ง เราก็เข้าไปเก็บ ถ้าเก็บได้เยอะจริง เรามีโอกาสเป็นส่วนร่วมกับเขา เราก็ร่วมกับเขา ไม่มีอะไร ก็เป็นลักษณะร่วมกันช่วยกันทำธุรกิจ ถ้าเขาไม่เห็นโอกาสของเรา เราเห็นโอกาสของเขา แล้วมันไม่ match ก็จบ จะไปแย่งชิงทำไม ที่ผ่านมาผมก็ทำอย่างนี้หลาย ๆ ตัว ก็คือคุยกัน ก็ร่วมกันในลักษณะของการเป็นพันธมิตรมากกว่า เพียงแต่งวดนี้เขาอาจดูเราไม่เป็นพันธมิตร ดังนั้นเราเงียบ ๆ นิ่งดูท่าทีก่อน"เสี่ยวิลลี่ กล่าว