ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าสหภาพยุโรป (อียู) จะช่วยคลี่คลายปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกรีซ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังขานรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 150.25 จุด หรือ 1.52% ปิดที่ 10,058.64 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 13.78 จุด หรือ 1.30% ปิดที่ 1,070.52 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 24.82 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 2,150.87 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.2 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันจันทร์ที่ระดับ 1.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ หลังจากดิ่งลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 10,000 จุดเมื่อวันจันทร์ โดยปัจจัยที่หนุนดาวโจนส์ปิดในแดนบวกมาจากความคาดหวังที่ว่า อียูและธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะยื่นมือแก้ไขวิกฤตการณ์ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวขึ้นทันทีที่มีข่าวว่า นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบี ตัดสินใจเดินทางไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่อียูเพื่อวางแผนกอบกู้วิกฤตการณ์การเงินของกรีซ
นักวิเคราะห์จากเวลส์ ฟาร์โก ไพรเวท แบงค์ ในรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของอียูและอีซีบีทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าปัญหาของกรีซจะได้รับการช่วยเหลือในไม่ช้านี้ หลังจากรัฐบาลกำลังเผชิญอุปสรรคในการควบคุมตัวเลขดุลบัญชีให้ลดลงมาอยู่ต่ำกว่าเพดาน 3% ของตัวเลขจีดีพี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของกรีซพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี ซึ่งวิกฤตการณ์ดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายกังวลว่ากำลังลุกลามไปยังสเปนและโปรตุเกสด้วย
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากเอบีซี นิวส์ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ดัชนี Consumer Comfort Index ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -48 จุด ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ. จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ -49 จุด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนให้แก่หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ซึ่งหนุนราคาหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ปิดพุ่ง 5.4% ขณะที่หุ้นโคคา-โคลาปิดบว 2.6% หลังจากบริษัทรายงานกำไรไตรมาส 4 ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีท
นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนม.ค. ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. วันศุกร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.ของสหรัฐ