นางสาวปรานต์ทิพย์ อัคริมาชญานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บมจ.สยามแมคโคร(MAKRO) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าร้านโชว์ห่วยเข้ามาเป็นสมาชิก 3-5% จากสิ้นปี 52 มีจำนวน 5 แสนราย
ทั้งนี้ ปัจจุบันรูปแบบของร้านโชว์ห่วยเปลี่ยนแปลงไปเป็นร้านมินิมาร์ทมากขึ้น ทั้งที่เป็นเฟรนไชส์และไม่ใช่เฟรสไชส์ โดยมองว่าการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ภายใต้เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ทำให้ร้านโชว์ห่วยต้องมีการปรับตัวในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในแง่ของการบริการและอัธยาศัย นอกเหนือจากการแข่งขันด้านราคาและสินค้า
"ร้านโชว์ห่วยถ้าให้ประเมินการอยู่รอดภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็ควรมีการเพิ่มมูลค่าของตัวเองนอกเหนือจากการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว"นางสาวปรานทิพย์ กล่าว
ขณะนี้กลุ่มลูกค้าของห้างแมคโครนั้นส่วนใหญ่กว่า 60% เป็นกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีก อีก 11% เป็นภัตตาคารและร้านอาหาร 16% ที่เหลือ 24% เป็นองค์กร เช่น สำนักงานต่างๆ โรงเรียน และ โรงพยาบาล เป็นต้น
ล่าสุด MAKRO ร่วมมือกับบริษัท ดี เอฟ เอ็ม มินิทรั๊ค (ประเทศไทย) ในการแนะนำรถยนต์เอนกประสงค์เพื่อบรรทุกสินค้า หรือเพื่อนำมาดัดแปลงเป็นร้านค้า หรือรถขายอาหารเคลื่อนที่เพื่อให้บริการกับลูกค้าที่อยู่ห่างไกลชุมชน และยังเป็นการเพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการกับลูกค้าที่ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่เป็น"แมคโคร มิตรแท้โชห่วย"
บริษัทจะมีการจัดโรดโชว์แนะนำรถกระบะเอนกประสงค์ไปยังสาขาแมคโครทุกแห่ง มีราคาพิเศษสุดสำหรับสมาชิกแมคโคร ราคาเริ่มต้นที่คันละ 285,000 บาท คาดว่ารูปแบบรถยนต์ดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการรายย่อย เพราะเป็นช่องทางการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่
นางสาวปรางทิพย์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าในปี 53 ยอดขายยังสามารถเติบโตได้ 3-5% จากปีก่อนที่มียอดขาย 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาสาขาเดิมที่เติบโตขึ้น และสาขาใหม่ที่จะทยอยเปิดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเห็นอีก 2 สาขา หลังจากเปิดสาขาที่ จ. กำแพงเพชรแล้ว 1 สาขาในช่วงต้นปี โดยในเดือน เม.ย.จะเปิดสาขาที่ จ.กาญจนบุรี พื้นที่ 7 พันตารางเมตร ใช้งบลงทุน 1 พันล้านบาท จะทำให้แมคโครมีสาขาเพิ่มเป็น 46 สาขา
"เชื่อว่าปีนี้เรายังเติบโตได้อย่างแน่นอน ภายใต้นโยบายที่จะต้องทำให้ยอดขายมากขึ้นในแต่ละปี สินค้าที่เราขายก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น จำนวนโชว์ห่วยก็เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนเรามีหน้าที่ในการหาสินค้าและโปรดักส์เพื่อรองรับให้ได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว"นางสาวปรานต์ทิพย์ กล่าว