บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT) ตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 4 พันล้านบาท เพื่อใช้ขยายธุรกิจโรงแรม 2.5 พันล้านบาท และขยายธุรกิจอาหาร 1.5 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะซื้อกิจการโรงแรม 3-4 แห่ง และซื้อแบรนด์ร้านอาหารของต่างประเทศเพิ่ม 3-4 รายเช่นกัน
นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน MINT เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจราซื้อแบรนด์อาหารของต่างประเทศ 3-4 ราย ขนาดรายการที่เจรจารายละ 1-2 พันล้านบาท และ เข้าซื้อกิจการโรงแรม หรือเข้าร่วมทุนธุรกิจโรงแรม ประมาณ 3-4 รายเช่นกัน โดยขนาดโรงแรมที่สร้างเสร็จแล้วที่จะเข้าซื้อกิจการมีขนาดประมาณ 1 พันล้านบาทขึ้นไป แต่ถ้าเป็นการเข้าร่วมทุนอาจมีขนาดรายการ 2-3 พันล้านบาท
"เรากำลังคุยกันอยู่ในส่วนธุรกิจอาหารเป็นแบรนด์นอก แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ก็อยากได้เร็วๆนี้ ยังคุยไม่ถึง 50% เลย ตั้งเป้าไว้ภายในปีนี้น่าจะได้ ส่วนโรงแรมเราจะเข้าไปซื้อกิจการที่เขาอยากขาย หรือไม่ก็ไป joint venture โรงแรมในต่างประเทศ ที่ดูๆ เจรจากันอยู่" นางปรารถนา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมเงินทุนสำหรับเข้าซื้อกิ้จการจากเงินกู้จำนวน 4 พันล้านบาทกับธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และบริษัทยังมีเงินสดในมืออีก 1 พันล้านบาท และหากสามารถเข้าซื้อกิจการได้ ก็อาจหาแนวทางระดมทุน ได้แก่ การออกหุ้นกู้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ในปีนี้ บริษัทมีภาระต้องรีไฟแนนซ์หนี้ที่จะครบกำหนด 1.8 พันล้านบาท โดยกำลังพิจารณาทั้งแนวทางการออกหุ้นกู้ หรือ การกู้เงิน เพื่อให้ได้ต้นทุนการเงินที่ต่ำลง จากปัจจุบันที่มีหนี้สินรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับการลงทุนในปีนี้ ในส่วนโรงแรมเป็นการลงทุนต่อเนื่อง 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรม อนัตรา ที่มัลดีฟ จะลงทุนอีก 700 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท โดยจะเปิดตัวในเดือน ก.ค.นี้ และ โครงการ St.Regis ซึ่งเป็นทั้งโรงแรม และคอนโดมิเนียม จะลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 4.5 พันล้านบาท มีแผนจะเปิดตัวในเดือน ต.ค.นี้
ขณะที่ธุรกิจอาหารจะเพิ่มสาขาใหม่อีก 80 แห่งในรูปเฟรนไชส์ จากปัจจุบันที่มี 1,112 แห่ง โดยปีนี้เริ่มเปิดสาขาในประเทศ เวียดนาม อินเดีย และ ลาว
*ปี 53 ธุรกิจ Turnarond
นางปรารถนา คาดว่าในปีนี้ธุรกิจโรงแรมจะมีอัตราเข้าพักที่ระดับเฉลี่ย 65% เพิ่มจากปีก่อนเฉลี่ยที่ 50% โดยในไตรมาส 1/53 ฟื้นกลับมาโดยมีอัตราเข้าพักประมาณ 65% แต่ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 คาดว่าอัตราเข้าพักจะลดลงเหลือ 50% ตามฤดูกาล และจะดีดตัวขึ้นมาราว 70-75% ในไตรมาส 4/53 ประกอบกับ อัตราค่าห้องปีนี้ได้ปรับขึ้นมา 8-10% จากปีที่แล้วปรับลดลง 10-15% ทั้งปี คาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมเติบโตมากว่า 10% จากปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทเปิดตัวโรงแรม อนัตรา ที่มัลดีฟ ในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งบริษัทจะลงทุนเพิ่มอีก 700 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจอาหารในปีนีคาดว่รายได้จะเติบโต 15% จากปีก่อนที่เติบโต 10% ทั้งที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ติดลบ 3% ก็ตาม โดยปีนี้จะเป็นการเติบโตจากสาขาเดิมราว 3-4% และรายได้จากสาขาใหม่ และคาดว่ามาริ์จ้นปีนี้จะดีกว่าปีก่อนจากผลกระทบเศรษฐกิจ และทำให้กำไรในปี 52 ลดลงราว 26%
ทั้งนี้ โครงสร้างกำไรจากธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์จะมีสัดส่วน 65% ส่วนธุรกิจอาหารมีสัดส่วน 35% ขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหาร 55% และธุรกิจโรงแรมรวมอสังหาริมทรัพย์ มีสัดส่วน 45%