ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยแนวทางการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่วอลุ่มการซื้อขายเบาบางมาก เนื่องจากพายุหิมะกระหน่ำเขตอีสต์โคสต์ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งปลีกตัวออกนอกตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 20.26 จุด หรือ 0.20% แตะที่ 10,038.38 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.39 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 1,068.13 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 3.00 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 2,147.87 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 1 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันอังคารที่ 1.2 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลง หลังจากเบอร์นันเก้แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อคืนนี้ว่า เฟดวางแผนถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการใช้นโยบายคุมเข้มด้านสินเชื่อ ซึ่งแผนการดังกล่าวสอดคล้องกับที่เฟดได้ประกาศปิดโครงการจัดหาสภาพคล่องฉุกเฉินบางส่วนไปก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ความเคลื่อนไหวของเบอร์นันเก้มีเป้าหมายที่จะรักษาเม็ดเงินในดุลบัญชีของเฟด เพื่อให้เฟดมีความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อพันธบัตรของสหรัฐอาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในอนาคต นอกเสียจากว่าสหรัฐจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.02 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.60 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าสหภาพยุโรป (อียู) จะช่วยคลี่คลายปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกรีซ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่านายโวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ได้จัดประชุมร่วมกับสมาชิกสภานิติบัญญัติของเยอรมนีเมื่อวานนี้ เพื่อกำหนดกรอบการให้ความช่วยเหลือรัฐบาลกรีซ
ขณะที่นายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังระดับโลก แสดงความเชื่อมั่นว่าอียูและธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะต้องหาทางช่วยเหลือด้านการเงินแก่รัฐบาลกรีซในวิถีทางมีต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่สูงและไม่ทำให้กรีซต้องแบกภาระหนัก
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น หลังจากเลกก์ เมสัน อิงค์ เปิดเผยว่าสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2552 โดยราคาหุ้นเลกก์ เมสัน ปิดบวก 5.5%
ส่วนหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ปิดบวก 12 เซนต์ แตะที่ 29.96 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.ของสหรัฐ