นายวิบูลย์ โลหะชุนสิริ ผู้จัดการอาวุโสแผนกพัฒนาธุรกิจ บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO)เปิดเผยว่า บริษัทส่งทีมงานสำรวจตลาดอาเซียน เห็นโอกาสขยายตลาดส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองจากการลดภาษีนำเข้าภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA)ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ 1 ม.ค.53 เล็งเป้าหมายประเทศที่มีประชากรสูง โดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนาม
ทั้งนี้ TVO คาดการณ์ปริมาณการขายปี 53 เติบโต 30% จาก 1 ล้านตัน(เมล็ดถั่วเหลือง)ในปี 52 เพราะคาดหมายว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จาก AFTA ที่จะช่วยขยับสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 10% ของรายได้รวมในปีนี้ โดยตลาดส่งออกหลักเกือบทั้งหมดจะอยู่ในอาเซียน
"ถึงตอนนี้ ลาว กัมพูชา เวียดนาม ยังไม่ได้ใช้ภาษี 0% ทั้ง 100% แต่ก็มีการปรับลดลลงมา เรามองว่ามีโอกาสทางการตลาด และเราส่งทีมไปสำรวจแล้ว เช่น ตลาดอินโดนีเซียประชากรสูงถึง 200 ล้านคน เวียดนาม 80 กว่าล้านคน เมื่อไหร่ที่ภาษีเหลือ 0% จะเหมือนเป็นตลาดต่างจังหวัดให้เรา เพราะในย่าน South East Asia แทบจะไม่มีโรงสกัดน้ำมันถั่วเหลืองเลย ครึ่งปีแรกก็อาจจะมีส่งไปเพิ่มบ้าง แต่ความจริงปกติเราก็มีส่งไปอยู่แล้วเมื่อมีมาร์จิ้นใช้ได้ Protential ดี" นายวิบูลย์กล่าว
ส่วนตลาดในประเทศ ในส่วนของกากถั่วเหลืองและน้ำมันพืช คาดว่าราคาเฉลี่ยจะลดลงประมาณ 10% ตามราคาในตลาดโลก ดังนั้น การเพิ่มปริมาณการขายน่าจะเป็นการช่วยรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(GP)ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 9-12% โดยในปีนี้บริษัทก็จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย
นายวิบูลย์ มองว่า การที่ราคาหุ้น TVO ปรับตัวเพิ่มขึ้น น่าจะเกิดจากการมองเห็นแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้นจากการขยายกำลังผลิตใหม่ 2 พันตัน ที่คาดว่าจะเริ่มเข้ามาบางส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะแล้วเสร็จใน Q2/53 และเริ่มทดลองผลิตในช่วง Q3/53 นี้ คาดว่าเมื่อครบ 1 ปีกำลังผลิตใหม่จะเพิ่มเป็น 5 พันตัน/ปี จาก 4 พันตัน/ปี และเมื่อเดินเครื่องเต็มกำลังจะเพิ่มเป็น 6 พันตัน/ปี
*อุปทานสูงกว่าอุปสงค์แม้เกิดเชื้อราระบาดในถั่วเหลืองที่อาร์เจนติน่า-บราซิล
นายวิบูลย์ กล่าวว่า สถานการณ์เชื้อราที่เกิดขึ้นที่บราซิลและอาร์เจนติน่าในขณะนี้ไม่ถือว่ารุนแรง เพราะล่าสุดเมื่อคืนนี้กระทรวงเกษตรของหสรัฐฯเปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตถั่วเหลืองของบราซิลอยู่ที่ 66 ล้านตัน/ปี เพิ่มจากประมาณการเมื่อเดือ ม.ค.53 ที่ 65 ล้านตัน/ปี และเพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่ 57 ล้านตัน/ปี ขณะที่ตัวเลขส่งออกปี 53 ก็คาดว่าจะอยู่ที่ 25.3 ล้านตัน/ปี เพิ่มจาก 24 ล้านตัน/ปี
ส่วนอาร์เจนติน่าประมาณการตัวเลขการผลิตล่าสุดที่ 53 ล้านตัน/ปี เพิ่มขึ้นจาก 32 ล้านตัน/ปีในปี 52 เนื่องจากปีที่แล้วแล้งจัด ขณะที่ตัวเลขส่งออกเมล็ดถั่วเหลืองประมาณ 9 ล้านตัน/ปี ส่วนที่ส่งออกแบบแปรรูปแล้วเป็นกากถั่วเหลืองประมาณ 26.9 ล้านตัน/ปี
รายงานข่าวจากต่างประเทศ ระบุว่า ผลผลิตถั่วเหลืองของอาร์เจนติน่าและบราซิลถูกท้าทายโดยโรคระบาดเชื้อราถั่วเหลืองที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้คาดหมาย ซึ่งอาจทำให้อุปทานน้อยลง ขณะที่อุปสงค์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.4% ในปี 53
"เรื่องผลผลิตถั่วเหลืองของอาร์เจนติน่าและบราซิลเกิดเชื้อรานั้น มันมีการระบาดของ Soy Rust หรือ Asian soy rust คือเชื้อราที่เกิดขึ้นบนใบของต้นถั่ว แต่ว่าเกษตรกรสามารถคุมได้ถ้าฉีดพ่นยาสารป้องกันเชื้อรา...มีการเกิดเชื้อราจริง แต่เป็นหย่อมๆ ในพื้นที่ที่มีความชื้น อากาศไม่เย็นจัดเท่านั้น"นายวิบูลย์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นอกจากนี้ ผลผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ปีนี้ถือว่าแนวโน้มดีมาก โดยคาดว่าปริมาณผลผลิตของสหรัฐฯในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 91 ล้านตัน/ปี เพิ่มจาก 80 ล้านตัน/ปีในปีก่อน จากปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่าราคาเฉลี่ยปีนี้น่าจะลดลงมาที่ประมาณ 8.70-11.10 เหรียญ/บุชเชล จาก 10.25-12.30 เหรียญ/บุชเชลในปี 52 เนื่องจากมีตัวเลขคาดการณ์ว่าซัพพลายในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 255 ล้านตัน จาก 210 ล้านตันในปี 52 ขณะที่ดีมานด์น่าจะอยู่ที่ 235 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 222 ล้านตันในปี 52
*ปรับกลยุทธ์ดำเนินงาน-บริหารความเสี่ยงฝ่าอุปสรรค
นายวิบูลย์ กล่าวว่า แม้ว่า TVO จะต้องเผชิญความเสี่ยงข้างต้น แต่เราก็มีทีมบริหารจัดการที่มีประสบการณ์และชำนาญด้านการบริหารความเสี่ยง และมีการปรับกลยุทธ์ตามสภาพธุรกิจและสภาพตลาด เน้นปริมาณให้มีการเติบ ส่วนการบริหารความเสี่ยงเป็นตัวทำให้ GP อยู่ในรตะดับที่เราเคยทำได้
ส่วนกลยุทธ์ด้านราคาคงต้องปล่อยตามตลาด เพราะน้ำมันถั่วเหลืองเป็นราคาเพดานที่ตกลงกับกรมการค้าภายใน ปัจจุบันอยู่ที่ 49 บาท/ลิตร แต่กรมการค้าภายในขอความร่วมมือเราให้อยู่ที่ 46 บาท/ลิตร แต่กลไกตลาดขายเพียง 40-42 บาท/กก.ซึ่งถือว่าราคาตอนนี้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งยังมีช่องว่างที่เราจะปรับราคาขึ้นได้อีกประมาณ 20% หากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น