IHL ตั้งเป้ายอดขายปี 53 โต 20-30% หลังออร์เดอร์ทะลักเข้ายาวถึงกลางปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 11, 2010 10:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ไฮด์(IHL)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 53 ขยายตัว 20-30% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปี 52 ที่ทำยอดขายได้สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์

การฟื้นตัวของคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ที่เร็วกว่าคาดนั้น เห็นได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีก่อน โดยเฉพาะไตรมาส 4/52 ยอดขายขยับขึ้นมาอย่างมาก และต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/53 ที่คาดว่ายอดขายจะสูงขึ้นอีก จากคำสั่งซื้อที่มีเข้ามามากขึ้น ส่วนไตรมาส 2/53 คาดว่ายอดขายน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสแรก เพราะออร์เดอร์อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

"ยอดขายครึ่งหลังปี 52 ดีกว่าประมาณการเยอะไม่ได้แย่เหมือนไตรมาส 1-2 เพราะเดิมมองปี 52 ไว้แค่ 800 ล้านบาท แต่พอมากลางปีขยับประมาณการเป็น 1,200 ล้านบาท สุดท้ายก็น่าจะทำได้เกินเป้า และยิ่งไตรมาส 1/53 ไม่ต้องพูดถึงออร์เดอร์แล้วเพราะมีไปถึงไตรมาส 2/53 แล้ว ตอนนี้เราผลิตเต็มที่...ไม่ต้องพูดถึงออร์เดอร์แล้ว ตอนนี้รอส่งของให้ลูกค้าอย่างเดียว เรามองถึงออร์เดอร์ไตรมาส 2 ไปแล้ว"นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาออร์เดอร์การผลิตสินค้าโมเดลใหม่กับลูกค้า 2-3 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าค่ายรถยนต์รายเดิมที่มีรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตเบาะหนังให้กับทุกค่ายรถยนต์ แต่ถึงแม้ยังไม่ได้ออร์เดอร์โมเดลใหม่ ตอนนี้ออร์เดอร์ก็แน่นมากอยู่แล้ว ปัจจุบันบริษัทใช้อัตราการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 90% แล้ว จากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 70%

ทั้งนี้ จากการที่อุตสาหกรรมรถยนต์ปรับตัวเร็วกว่าคาดการณ์ และดูเหมือนจะร้อนแรงมากแล้ว ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ทันที โดยการเพิ่มพนักงานและเพิ่มสายงานต่างๆ เป็น 1,300 คน จากเดิมอยู่ที่ 900 คน และทำงานเต็มเวลาตลอด

นายองอาจ กล่าวว่า ปัจจุบัน รถยนต์ที่ใช้เบาะหนังคิดเป็นสัดส่วน 20-30% ของรถยนต์ทั้งหมด เช่น รถยนต์ 1.4 ล้านคัน/ปี จะเป็นรถยนต์เบาะหนังประมาณ 3 แสนคัน โดยในปีนี้รถยนต์ที่ใช้เบาะหนังคาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% ซึ่งในส่วนของบริษัทน่าจะเติบโตได้มากกว่าภาพรวม

ส่วนกรณีที่โบรกเกอร์มองความเสี่ยงของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อาจชะลอตัวลงอีกครั้งจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศนั้น นายองอาจ กล่าวว่า การเมืองขณะนี้มีความหลากหลาย และคนไทยเริ่มชินแล้ว คิดว่าจะไม่มีผลกระทบรุนแรงเหมือนกับช่วงที่แบ่งเป็น 2 ขั้วในช่วงก่อนหน้านี้ แต่มองว่าปัญหามาบตาพุดจะกระทบความเชื่อมั่นมากกว่า

ขณะที่ความเสี่ยงด้านยอดขายรถยนต์ในต่างประเทศอาจชะลอตัวลงหากรัฐบาลประเทศต่างๆยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายองอาจ มองว่า ขณะนี้รถยนต์ถือเป็นปัจจัยที่ 6 ของมนุษย์ ยกเว้นบางประเทศที่เจริญแล้วที่มีระบบขนส่งที่ดีในทุกจุด แต่ประเทศไทยยังไม่ถึงจุดนั้น เพราะต้องใช้เวลา จึงเชื่อว่ายอดขายปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะลดลงมา 4-5 ปีแล้ว และปีนี้ทุกคนก็คาดว่ารถยนต์น่าขยายตัวได้ และหากการเมืองนิ่งยิ่งสนับสนุนการเติบโตให้เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับวัตถุดิบหนังสัตว์เพื่อใช้ผลิตเบาะหนังรถยนต์ ขณะนี้มีสต็อคเพียงพอถึงกลางปี 53 หรือช่วงไตรมาส 3/53 โดยที่ต้นทุนยังทรงตัวอยู่ แต่หลังจากนั้นราคาวัตถุดิบน่าจะสูงขึ้นอีก ซึ่งบริษัทก็ยังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

"ต้นทุนวัตถุดิบหนังสัตว์ตอนนี้กลับมาที่จุดเดิมคือหล่นในไตรมาส 1 และ 2 พอไตรมาส 3-4 ก็เริ่มไต่ขึ้นบ้าง แต่ไม่ถึงกับไปกระทบกับอัตรากำไรขั้นต้นมาก ก็อาจจะมี Impact บ้าง ซึ่งคงจะเป็นอีก 3-4 ไตรมาสข้างหน้า ก็อาจจะเป็นปี 54 เลย" นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวอีกว่า บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 20 ก.พ.52 เพื่อพิจารณาเรื่องงบดุลในปี 52 และนโยบายธุรกิจในปี 53 รวมถึงการพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 52


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ