นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) เปิดเผยว่า บริษัทได้เลือกแนวทางการออก TDR (Taiwan Depositary Receipts) ที่ประเทศไต้หวัน ในการรองรับการขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 273 ล้านหุ้น และหุ้นที่บริษัทซื้อคืนจำนวน 46.7 ล้านหุ้น เนื่องจากมองว่าแนวทางออกเป็น TDR จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท ทั้งในแง่การสร้างผลตอบแทน และบนทางเลือกของการลงทุนนี้จะสะท้อนภาพการสร้างความเชื่อมั่น จากนักลงทุนต่างประเทศ ภายใต้สถานการณ์ในประเทศที่มีปัญหาการเมือง
ทั้งนี้ การออก TDR จะนำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน มี.ค.นี้ หลังจากจะมีกระบวนการทั้งในการเตรียมตัวขายและจัดทำทางบัญชี รวมถึงการเลือกที่ปรึกษาทางการเงินและเตรียมความพร้อมด้านเอกสารต่างๆ โดบคาดว่าจะเสนอขาย TDR ได้ในช่วงไตรมาส 2 หรือ ไตรมาส 3 ปี 53
"การออก TDR หวังว่า จะได้ P/E ที่ดี ซึ่งการออก TDR มีส่วนทำให้หุ้น dilute ลง แต่ถ้า P/E อยู่สูง dilute จะต่ำ...มองว่าการออก TDR จะมี benefit สูงสุด และจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นและตลาดโดยรวม ถ้าเราไม่เลือกอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะถูกว่าได้"นายศุภพงศ์ กล่าว
การออก TDR เป็นตราสารที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวัน โดยผู้ถือหุ้น TDR ได้รับสิทธิเสมือนเป็นผู้ถือหุ้นสามัญและได้รับเงินปันผล รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น แต่มีข้อจำกัดว่าผู้ถือ TDR เป็นผู้ถือหุ้นต่างประเทศ และการออก TDR มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพระมีการซื้อขายเป็นสกลเงินดอลลาร์ไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นเพิ่มทุนของบริษัท คิดเป็นประมาณ 38% ของทุน เมื่อแปลงเป็น TDR ก็ยังมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างประเทศไม่เกิน 49% โดยปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นต่างชาติไม่ถึง 1%
สำหรับเงินที่ระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนเหมุนเวียนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และสนับสนุนทางการเงินของบริษัท ใช้เพื่อขยายกิจการภายในและขยายธุรกิจ รวมถึงเพิ่มศักยภาพการลงทุน โดยในปี 53 บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนในหลายโครงการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงินที่จะระดมทุนได้จากการขายหุ้นดังกล่าว ในเบื้องต้นบริษัทมีแผนใช้งบลงทุน 1 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งใช้ในการต่อยอดธุรกิจไบโอดีเซล และธุรกิจพลังานทดแทน
นายศุภพงศ์ กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมประมาณ 1.8 -2.0 หมื่นล้านบาท บนสมมติฐานที่ราคาดีเซลเฉลี่ย 75-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาทรงตัวทั้งปี
ขณะที่ การยื่นคำร้องต่ออนุญาโตตุลาการ กรณีที่ บมจ.ปตท.(PTT) จะยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบนั้น นายศุภพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ อนุญาโตตุลาการได้ส่งเรื่องให้ปตท.ซึ่งต้องรอขั้นตอนการชี้แจง คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเจรจาได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความขัดแย้ง เพียงแต่ต้องการให้มีคนกลางมีชี้ขาดสัญญา ดังนั้น การดำเนินธุรกิจของบริษัท กับ ปตท.ยังคงมีต่อไป ซึ่งจะมีการเจรจากันในหลายโครงการ
" สัญญากับ ปตท.ทีมีลักษณะ Evergreen จะสิ้นสุดลง ยังมั่นใจ ปตท.จะต่อสัญญากับบริษัท ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการหารือทั่งเป็นทางการและไม่เป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นการเจรจาตามปกติ"นายศุภพงศ์ กล่าว