KBANK-BAY ปล่อยกู้"ไทย เนชั่นแนล พาวเวอร์"สร้างโรงไฟฟ้า 5,000 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 11, 2010 14:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)และธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)ปล่อยกู้เกือบ 5,000 ล้านบาทสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 110 เมกะวัตต์ในประเทศไทยขายกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)และโรงงานในเขตประกอบการอุตสาหกรรมสยามอีสเทิร์น อินดัสเตรียล พาร์ค (SEP) จังหวัดระยอง

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ KBANK เปิดเผยว่า การสนับสนุนเงินสินเชื่อครั้งนี้ บริษัท ไทย เนชั่นแนล พาวเวอร์ จำกัด(TNP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล พาวเวอร์ จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกจากประเทศอังกฤษ รวม 4,965 ล้านบาท มีระยะเวลาการกู้นาน 16 ปี โดยได้จัดโครงสร้างทางการเงินใหม่ให้เอื้อประโยชน์ต่อการขยายตัวในอนาคต มีต้นทุนทางการเงินและการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของปัจจัยต่างๆที่เหมาะสม

สำหรับวงเงินสินเชื่อดังกล่าว TNP จะนำไปดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (Small Power Producer-SPP)ด้วยกำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์(MW)เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.จำนวน 90 MW โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 25 ปี ส่วนที่เหลืออีก 20 MW ขายให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมสยามอีสเทิร์น อินดัสเตรียล พาร์ค

กลุ่มบริษัท TNP เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก จำนวน 1 โรง เมื่อเดือนมกราคม 51 ตามแผนขยายกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 (52-64) ในการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 30,392 เมกะวัตต์ (MW) ทั้งนี้โรงไฟฟ้าใหม่ดังกล่าว จะจัดตั้งในนามบริษัท ไทย เนชั่นแนล พาวเวอร์ 2 จำกัด (TNP2) มูลค่าก่อสร้างประมาณ 5,000 ล้านบาท และมีแผนเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operating Date : COD) ในปลายปี 55

นายวศิน กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้า SPP ของ TNP นับเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่สามารถลงนามด้านการเงินได้สำเร็จในปีนี้ จากโรงไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด 19 โรง ซึ่งนับเป็นโครงการที่มีความมั่นคงสูงเนื่องจากมีแหล่งรับซื้อไฟฟ้าที่แน่นอน ที่ยังคงมีแนวโน้มในการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล พาวเวอร์ จำกัด เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าทั้งหมด 45 โรง ใน 21 ประเทศทั่วโลก ด้วยกำลังผลิตรวมสุทธิ 20,648 เมกะวัตต์ เข้ามาตั้งกลุ่ม TNP เพื่อขยายลงทุนด้านพลังงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เคยลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกไปและเริ่มประกอบการเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อปี 43 ย่อมแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจระยะยาวของไทย และมั่นใจในสถาบันการเงินของไทยในการเลือกให้เป็นผู้จัดสรรและสนับสนุนทางการเงินระยะยาวแก่โครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ