นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ก่อนการตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกทักษิณ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนค่อนข้างมากและมีความน่าเป็นห่วงมากขึ้น แต่ก็คาดว่าสถานการณ์จะไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตราการเซอร์กิต เบรกเกอร์ เพราะนักลงทุนปรับตัวและมีการประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนพิจารณาทั้งแง่ข่าวสารรอบด้านที่เกี่ยวข้องและตัวบริษัท ก่อนการตัดสินใจลงทุน รวมทั้งดูข้อมูลการปรับตัวของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิ ปัจจัยการเมืองส่งผลให้ราคาหุ้น ปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นมีความผันผวนบ้าง ขณะเดียวกันการปรับตัวของตลาดหุ้นบางช่วงมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจด้วย
"ช่วงนี้ตลาดคงจะผันผวน โดยเฉพาะเรื่องการเมืองที่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่เฝ้ารอและติดตามข่าวและทำให้ยังไม่ตัดสินในลงทุน และหากสังเกตการปรับตัวลงของตลาดหุ้นจะมีการปรับลงเป็นช่วง ๆ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงไหนถูกกระทบจากเหตุการณ์ใด และที่ผ่านมานักลงทุนได้มีการปรับตัวและการประเมินสถานการณ์ก่อนการตัดสินใจลงทุน"นางภัทรียา กล่าว
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยที่เบาบาง รวมถึงการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปี 9.4 พันล้านบาท น่าจะมาจากปัจจัยเศรษฐกิจของยุโรปมากกว่าปัจจัยอื่น
สำหรับการที่รัฐบาลเวียดนามประกาศลดค่าเงินดองลงอีก 3.4% นางภัทรยา เชื่อว่า จะไม่กระทบต่อตลาดหุ้นมาก เพราะค่าเงินบาทยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเทียบ แต่ต้องติดตามประเทศอื่นว่าเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทว่าเป็นอย่างไร แต่ในแง่ของการแข่งขันเชิงการค้าของไทย ก็อาจจะมีผลบ้างต่อภาคการส่งออก