ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข่าวผู้นำชาติยุโรปช่วยเหลือกรีซ หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 105.81 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 12, 2010 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่าผู้นำชาติยุโรปได้บรรลุข้อตกลงเพื่อช่วยเหลือกรีซให้สามารถจัดการรับมือกับวิกฤตขาดดุลงบประมาณ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 105.81 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 10,144.19 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 10.34 จุด หรือ 0.97% ปิดที่ 1,078.47 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 29.54 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 2,177.41 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.08 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.15 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากนายแฮร์มัน ฟาน รอมปุย ประธานสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า ผู้นำชาติยุโรปได้บรรลุข้อตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือกรีซให้สามารถจัดการรับมือกับวิกฤตขาดดุลงบประมาณแล้ว โดยผู้นำชาติยุโรปได้ร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอูของกรีซ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีย์ ของฝรั่งเศส ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณต่อตลาดว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีพร้อมที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับกรีซ

นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ก.พ.ร่วง 43,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 440,000 ราย โดยลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 483,000 ราย และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 465,000 ราย

นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.ของสหรัฐ

นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3% ในปีนี้และปีหน้า ขณะที่อัตราว่างงานน่าจะลดลงเหลือ 9.5% ในสิ้นปีนี้ จากระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.1% นอกจากนี้คาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วน 70% ของเศรษฐกิจทั้งหมด จะขยายตัว 2% ในปีนี้ และ 2.5% ในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยแผนการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานจะส่งผลให้ผู้บริโภคและภาคเอกชนของสหรัฐมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นด้วย

หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอัลโคปิดพุ่ง 3.2% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ปิดบวก 6% และหุ้นนิวมอนต์ ไมนิ่งปิดบวก 3.2%

ส่วนหุ้นฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ทะยานขึ้น 4% หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด พร้อมกับประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ