โบรกฯ แนะ"ซื้อ"DELTA มองปี 53 ธุรกิจฟื้นแนวโน้มกำไรโตมาก-ปันผลสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 12, 2010 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เดลต้า อิเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย)(DELTA)คาดการณ์ปี 53 ยอดขายจะฟื้นตัวจากประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐและอินเดียกลับมาซึ่งต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 และยังมีผลิตภัณฑ์เป็นพัดลมระบายความร้อนที่การแข่งขันน้อยและมีมาร์จิ้นสูง นอกจากนี้ บริษัทยังมีการทำธุริจใหม่ คือ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิปีนี้เติบโตราว 22-30% จากปีก่อน

ขณะเดียวกัน คาดว่าในงวดปี 52 จะมีการจ่ายเงินปันผลระดับ 1.10 -1.20 บาท/หุ้นคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 6.9-7.0% ส่วนราคาในกระดานยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายก็ยังพอมี upside

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          บล.เอเซียพลัส         ซื้อ           23.63
          บล.ซิกโก้             ซื้อ           22.40
          บล.ทิสโก้             ซื้อ           20.90
          บล.กิมเอ็ง            ซื้อ           20.80
          บล.เกียรตินาคิน        ถือ           18.00

น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย)คาดว่า ปี 53 ผลกำไรของ DELTA จะเติบโต 30% มาที่ 2.88 พันล้านบาท จากปี 52 ลดลง 26% มาที่ 2.22 พันล้านบาท เนื่องจากปีนี้ตลาดสหรัฐและอินเดียฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยตลาดโทรคมนาคมและยายนต์ก็มีการขยายตัวได้ดี แต่ก็ยังกังวลเศรษฐกิจในยุโรป มองว่าธุรกิจของ DELTA ในปีนี้จะกลับมาดีใกล้เคียงในปี 49-51

"ดีทุกอย่าง ปรับราคาเหมาะสมให้ conservative ก็ยังมี upside อีกเยอะ และตัวนี้มี Dividend Yield ดี ปีนี้ธุรกิจเข้าโดยรวมก็ถือว่าฟื้นตัวขึ้นมาเทียบเคียงในช่วงปี 49-51" น.ส.ศลยา กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีกระแสเงินสดในมือสูงถึงกว่า 8 พันล้านบาท จึงคาดว่าแม้กำไรจะลดลง แต่จะสามารถจ่ายเงินปันผลในงวดปี 52 ได้ในอัตรา 1.20 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับ 6.9%

ด้านนักวิเคราะห์ จาก บล.เอเซียพลัส คาดว่า กำไรในไตรมาส 4/52 จะเท่ากับ 751 ล้านบาท เติบโต 12% จากไตรมาส 3/53 โดยธุรกิจหลัก คือ DES Business(Delta Energy System) ปรับตัวดีขึ้นจากประเทศคู่ค้า ได้แก่ อินเดีย และสหรัฐกลับมาฟื้นตัว และคาดว่าในปีนี้ตลาดก็จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลประกอบการครึ่งแรกปี 52 ไม่ดีนัก ทำให้กำไรในปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท ลดลง 23% จากปี 51 แต่ในปี 53 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 22.5% จากปีก่อน โดยแนวโน้มธุรกิจฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากกลุ่มธุรกิจ DES ที่สามารถสร้างรายได้และกำไรได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

และการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์(Components)อาทิ DC Fan ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และโทรคมนาคม ปัจจุบันมีคู่แข่งเพียงน้อยรายและมีศักยภาพการเติบโตสูง

"เราแนะนำให้"ซื้อ"นอกจากธุรกิจฟื้นตัว ยังมี Dividend Yield สูง 6.4% หรือ 1.10 บาท/หุ้นเท่ากับปี 51 แม้ว่ากำไรปี 52 จะลดลง แต่เพราะเขามี cashflow มาก"นักวิเคราะห์ กล่าว

บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ยังคงแนะนำ"ซื้อ"เพราะมองว่า DELTA จากแนวโน้มที่มั่นคงสำหรับ telecom power system นอกจากนี้ ธุรกิจใหม่จากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(solar inverter),ระบบพลังงานไฟฟ้า และ DC Fan สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์น่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในปีต่อๆไป

ราคาหุ้น DELTA ยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายของเราที่ 20.90 บาท (PER 9.3 เท่าปี 53F) และเราคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผล 1.28 บาทต่อหุ้น หรืออัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 7% สำหรับการดำเนินงานในปี 52

พร้อมคาดว่ารายได้ปี 53 จะเติบโต 25% หรือเท่ากับ 980 ล้านเหรียญ ปัจจัยหนุนยังคงมาจาก DES สำหรับเทเลคอม, พลังงานแสงอาทิตย์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมาย DC Fan ภายใต้ PC&IT โต 20% ต่อปีในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากอุตสาหกรรมยานยนต์ดีขึ้น

ส่วน บล.ซิกโก้ มองว่ายอดขายของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตจาก 2 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ DES ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 53 เท่ากับ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการทำตลาดในประเทศอินเดีย ในขณะที่ Component Product บริษัทตั้งเป้ายอดขายเท่ากับ 110 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกลุ่มพัดลมระบายความร้อน ซึ่งเติบโตตามกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว

เราคาดการณ์ยอดขาย DELTA ในปี 53 เท่ากับ 33,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY และกำไรสุทธิเท่ากับ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% YoY


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ