ROJNA สรุปแผนลงทุนคอนโดฯรัตนาธิเบศร์กลางปี-โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์รอชัดเจน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 12, 2010 15:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(ROJNA)คาดสรุปแผนลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดิน 7 ไร่ติดใกล้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ในช่วงกลางปีนี้ก่อนขึ้นโครงการในไตรมาส 3-53 หรือภายในปลายปีนี้ ขณะเดียวกัน ยังมองหาทำเลสวยขึ้นคอนโดฯอีกแห่งในประเทศจีน หลังประสบความสำเร็จคอนโดฯ 2 เฟสแรก พร้อมเตรียมพิจารณาความเป็นไปได้แผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ตั้งเป้ารายได้ปี 53 เติบโต 5% จาก 6 พันล้านบาทในปี 52 ยอดขายที่ดินล็อตใหญ่รอเข้าครึ่งปีแรก

น.ส.อมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ ROJANA เปิดเผยว่า หลังจากสรุปแผนลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมย่านรัตนาธิเบศร์ ซึ่งอยู่บนแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ในกลางปีนี้แล้ว เบื้องต้นอาจเปิดเฟสแรกอย่างเร็วจะเปิดตัวในไตรมาส 3/53 หรือประมาณในปลายปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี หรือแล้วเสร็จประมาณปี 55

"คงไม่น่าจะเกินกลางปีนี้ก็คงจะรู้แล้วว่ามูลค่าโครงการเป็นเท่าไร เพราะแบบคร่าวๆก็ออกมาแล้ว ก็คงเป็นคอนโดฯ สูง 20 กว่าชั้น ทำตลาดระดับกลาง พื้นที่เรามี 7 ไร่ ก็อาจจะทยอยทำ" น.ส.อมรา กล่าว

ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองฉางโจว ประเทศจีน ขณะนี้บริษัทต้องการดำเนินโครงการทั้งสองแห่งให้จบก่อน และมองหาโอกาสที่จะทำโครงการใหม่ โดยคอนโดฯเฟสแรกปีนี้จะรับรู้รายได้ที่เหลือทั้งหมด ประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท ของมูลค่าโครงการทั้งหมด 3.3 พันล้านบาท ส่วนเฟส 2 จะรับรู้ฯ ได้หรือไม่ต้องรอดูอีกครั้ง แม้ว่าการขายจะคืบหน้าไปมาก แต่การก่อสร้างยังคืบหน้าไม่เท่าไร อย่างไรกีดี ปีนี้ไม่ได้นำรายได้จากโครงกสารคอนโดฯ เฟส 2 เข้าไปในประมาณการรายได้บริษัทในปีนี้

"ถ้าตลาดยังโอเค เราก็ยินดีที่จะทำต่อ เราก็ดูๆไป ก็ดูว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน" น.ส.อมรา กล่าว

ส่วนธุรกิจขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม น.ส.อมรม ประเมินว่า ปีนี้จะมียอดขาย 400-500 ไร่ โดยขณะนี้มีการเจรจาดีลที่ซื้อที่ดินล็อตค่อนข้างใหญ่ ซึ่งยังไม่ระบุว่าเป็นอุตสาหกรรมไหน โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่การขายที่ดินให้กับโรงงานยาสูบเพิ่มเติมอีกนั้น คาดว่าปีนี้คงยังไม่มีการตัดสินใจ

และขณะนี้ลูกค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็กลับเข้ามาเจรจาค่อนข้างมาก โดยเห็นว่าบรรยกากาศปีที่แล้วค่อนข้างเงียบๆ แต่ปีนี้ดีขึ้น

"ปีนี้เรายังไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย โดยเขา(โรงงานยาสูบ)มีแผน 3 ปีในการก่อสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะซื้อจากเรา คือนโยบายย้ายโรงงานยาสูบมีอยู่แล้ว แต่เร็วช้าแค่นั้นเอง...เรื่องการขายที่ดินไปได้ ถ้าการเมืองไม่สะดุด เรื่องของมาบตาพุด ประเทศเราเคลียร์ได้ เพียงแต่เขาต้องการรู้ความชัดเจนเท่านั้นเอง และเรื่องมาบตาพุดมีผลกับเราน้อยมาก เพราะจริงๆลูกค้าเราไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมหนัก ส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ "น.ส.อมรา กล่าว

สำหรับการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองเป็น pilot project ในนิคมอุตสาหกรรมที่อยุธยา ซึ่งเพิ่งเริ่มทำได้ 1-2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเห็นว่าต้นทุนโซลาร์เซลล์ต่อเมกะวัตต์แพงกว่าโรงไฟฟ้าปกติ เนื่องจากใช้พื้นที่มาก และแผงโซลาร์เซลต้นทุนก็แพงมากด้วย

"ตอนนี้ผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ให้มาทดลองก็จะดูว่าทำแล้วโอเคไหม แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบเรื่องการลงทุน เพราะตอนนี้เป็นการเก็บตัวเลขกับแสงอาทิตย์ในรอบปี ก็คงปลายๆ ปีคงพอจะรู้บ้างว่าจะทำไม่ทำยังไง และถ้าลงทุนต้องลงทุนเท่าไร ต้องขอดูตัวเลขชัดเจน"น.ส.อมรา กล่าว

น.ส.อมรา เปิดเผยว่า บริษัทประมาณการรายได้ปี 53 เติบโตประมาณ 5% จากปีก่อนที่ได้ 6 พันล้านบาท โดยจะมาจากรายได้จากการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียงปีก่อนประมาณ 400-500 ไร่ ส่วนรายได้จากบริการสาธารณูปโภค รวมถึงรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีเข้ามามากขึ้น

"ปีนี้มี growth บ้างแต่ไม่ได้ high growth คือตัวที่ดินขายได้ใกล้เคียงจากเดิม ส่วนน้ำ-ไฟอาจมีรายได้เพิ่มขึ้น 5-8% ปีที่แล้ว รายได้น่าจะ 6 พันกว่าล้านบาท ปีนี้น่าจะโตขึ้น 5% เป็นรายได้คอนโดฯ กับสาธารณูปโภคมากกว่าปีก่อน แต่เราไม่ได้เน้นเรื่องรายได้ เราอยากได้กำไรเยอะๆมากกว่า" น.ส.อมรา กล่าว

น.ส.อมรา กล่าวว่า ในปีนี้กำลังการผลิตไฟฟ้าจำกัด ดังนั้น ในปีหน้าจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP2 กำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ และจะขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้า SPP1 เฟสที่ 5 อีก 55 เมกะวัตต์ เพิ่มเป็น 320 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนราว 165 ล้านเหรียญสหรัฐ เริ่มใช้เงินลงทุนในปีหน้า ทยอยลงทุนในช่วง 3 ปีจะก่อสร้างเสร็จในปี 56 จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 430 เมกะวัตต์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ