นายสุพจน์ สุนทรินคะ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม(SALEE)เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินจากการขายหุ้นในบริษัท เอสซี วาโด และรับชำระหนี้จากเอสซี วาโด รวมกว่า 90 ล้านบาท ไปลงทุนขยายกำลังการผลิตของบริษัทลูก 2 บริษัท คือ บริษัท สาลี่ อุตสาหกรรม และ บริษัท สาลี่ พรินติ้ง
อนึ่ง บริษัทขายหุ้นในบริษัท เอสซี วาโด ให้กับบริษัท นิเด็คอิเล็กทรอนิคส์ (ประเทศไทย)(NET) ซึ่งจะบันทึกเป็นรายได้ในช่วงไตรมาส 1/53 จำนวน 70 ล้านบาท รวมถึงยังได้จะรับเงินชำระคืนหนี้จาก เอสซี วาโด อีก 20 กว่าล้านบาท
นายสุพจน์ กล่าวว่า การลงทุนของ SALEE จะมีการจัดซื้อเครื่องจักรเป็นเครื่องฉีดพลาสติก 3-4 เครื่อง ใช้เงินประมาณ 20-30 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับการขยายการรับคำสั่งซื้อลูกค้าในกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมมีเพียง 5-10% และกลุ่มคอนซูเมอร์ เพิ่มเป็น 30% จากเดิม 20-25%
ขณะที่บริษัท พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จะมีการลงทุนโดยการสั่งซื้อเครื่องพิมพ์อีก 1 เครื่อง เป็นเงิน 50-60 ล้านบาท ซึ่งจากการขยายการลงทุนดังกล่าว จะทำให้รองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น และยังเป็นทำให้รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า การขายเอสซี วาโด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำน่ายฉลากผลิตภัณฑ์จากอลูมิเนียมสำหรับชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ จากปัญหาความผันผวนของธุรกิจอิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งที่ผ่านมาได้กระทบยอดขายปรับตัวลดลง 20-30% จากวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะลูกค้าเอสซี วาโดส่วนใหญ่มาจากธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 80-90%
"การที่เราขายเอสซีวาโดครั้งนี้ เราได้ประเมินมาระยะหนึ่งแล้ว และยังมองว่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ ปรับลดลง ทำให้เรามีบทเรียนและมองว่าควรที่จะกระจายกลุ่มลูกค้าไม่ให้กระจุกตัว" นายสุพจน์ กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่า สถานการณ์ภาพรวมธุรกิจในปี 53 จะดีขึ้น เห็นได้จากจำนวนลูกค้าจากรายเดิมและรายใหม่ ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อบริษัท แต่จะต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยตั้งเป้าในปี 53 มีรายได้เติบโต 10% ถือเป็นระดับน่าพอใจแล้ว ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น(GP)อยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 30%