ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) หลังจากที่ทางการจีนประกาศว่าจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจขยายตัวเร็วเกินไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 45.05 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 10,099.14 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.96 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 1,075.51 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 6.12 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 2,183.53 จุด
สำหรับทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้น 0.9% ส่วนดัชนี Nasdaq ทะยาน 2%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของจีนกำลังพยายามควบคุมมิให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเกรงว่าการทำเช่นนั้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของสหรัฐ และส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐที่ทำธุรกิจในจีนด้วย
แค่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวก็ทำให้หุ้นกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมและผู้ผลิตวัตถุดิบต่างๆ ปรับตัวลดลง เนื่องจากหากเศรษฐกิจจีนขยายตัวช้าลง ดีมานด์สินค้าอุตสาหกรรมก็จะลดลงตามไปด้วย ขณะเดียวกันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
อันที่จริงแล้วเมื่อคืนนี้มีปัจจัยบวกที่สามารถทำให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกขยายตัวเกินคาดที่ 0.5% ในเดือนมกราคม แต่ความวิตกกังวลเรื่องมาตรการควบคุมความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนก็กลบปัจจัยบวกดังกล่าวไปหมด