นายเสวก ศรีสุชาติ ประธานกรรมการ บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง(PLE)เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียม 3 ทางเลือกในการจัดการกับหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือกว่า 279.67 ล้านหุ้น ซึ่งขายได้ไม่หมด โดยทางเลือกที่ 1 จะเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม(RO)อีกครั้งตามเงื่อนไขเดิมทีเสนอขายราคาพาร์
ส่วนแนวทางที่ 2 จะเป็นการขายหุ้นให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) แต่อาจต้องเสนอขายหุ้นในราคาพรีเมียม และแนวทางสุดท้าย คือ การยกเลิกการขายหุ้นส่วนที่เหลือ
อนึ่ง บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมอีกจำนวน 546,148,856 บาท รวมกับทุนจดทะเบียนเดิม 546,148,856 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 1,092,297,712 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,092,297,712 หุ้น โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ 546,148,856 หุ้น ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น 1 : 1 ที่ราคา 1 บาท/หุ้น
อย่างไรก็ตาม นายเสวก กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับหุ้นส่วนที่เหลือ โดยจะขอรอดูสถานการณ์บ้านเมืองต่อไปอีก 1-2 เดือนก่อนจะมีการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ แม้ขายหุ้นไม่หมดก็ไม่ได้กระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท
"ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาเท่าไร เพราะตอนนี้เศรษฐกิจบ้านเมืองเป็นแบบนี้ รอให้สถานการณ์นิ่งนิดนึง ก็มี 3 ทางเลือก...ถ้ามีใครเอา PP เราก็เอา PP ก็ได้ แต่เราต้องขายราคาพรีเมียม แต่ถ้า RO อีกรอบก็ขายราคาพาร์ได้ แต่ถ้าแนวโน้มตลาดไม่ดี เราก็ยกเลิกได้ ก็ไม่เป็นไร" นายเสวก กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ประธานกรรมการ PLE กล่าวอีกว่า เงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุน หากเต็มจำนวนตามแผน บริษัทก็จะนำไปลงทุนในธุรกิจด้าน Energy Sector เพิ่มขึ้น แต่หากได้เงินจากการขายหุ้นไม่มาก อาจนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรับงานก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 200 ล้านบาท
สำหรับปี 53 บริษัทคาดว่าจะพลิกมามีกำไรสุทธิประมาณ 300 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยเก็บคืนหนี้จากลูกหนี้ได้อีกจำนวนหลักหลายร้อยล้านบาท จึงคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการในปีนี้ได้ ซึ่งตามนโยบายบริษัทจะจ่ายเงินปันผล 50% ของกำไรสุทธิ
"ในปีนี้เราคาดว่าจากผลการดำเนินงานแล้ว เราน่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ และถ้าเก็บหนี้จากลูกหนี้ได้อีก ก็จะเป็น extra ก็น่าจะมีปันผลได้ ซึ่งเรื่องนี้เราได้อธิบายในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไปพอสมควรแล้ว" ประธานกรรมการ PLE กล่าว