นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS)ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 52 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 88.31 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.50 บาท/หุ้น ลดลงจากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 416.77 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 2.22 บาท/หุ้น
ในรอบประจำปีบัญชี 52 กำไรสุทธิลดลง 78.81% เปรียบเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายถ่านหินลดลงเหลือ 2,597.46 ล้านบาท หรือลดลง 23.87% จากปี 51 เนื่องจากปริมาณขายลดลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ได้แก่ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และกระดาษมียอดคำสั่งซื้อลดลงค่อนข้างมาก แต่กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและเล็ก ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถชดเชยมาชดเชยกันได้
ขณะที่กำไรขั้นต้นปี 52 อยู่ที่ 20.56% ลดลง 33.42% จากปี 51 เนื่องจากองค์ประกอบหลักของต้นทุนสินค้ามีสองชนิด คือ ราคาถ่านหินและค่าขนส่ง โดยราคาถ่านหินของ UMS ได้มีการทำสัญญาในราคาที่ตกลงกันไว้แล้วโดยเป็นอัตราลอยตัว (floating basis) อ้างอิงจากดัชนี Newcastle Export Index (NEX) โดยดัชนีราคาถ่านหิน NEX เฉลี่ยในปี 52 ปรับลดลง 43.96% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 51 ขณะที่ค่าขนส่งของปี 52 นั้นได้มีการกาหนดราคาคงที่ไว้ทั้งหมดตามสัญญาขนส่งสินค้าล่วงหน้าในอัตราที่สูงกว่าราคาตลาด
นอกจากนี้ ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 61.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.03% จากปี 51 ซึ่งเป็นดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 2 ,017.4 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 52 เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและลงทุนในทรัพย์สินถาวร
และในปี 51 บริษัทได้ตั้งสำรองผลขาดทุนจากการลดลงของมูลค่าสินค้าคงเหลือจำนวน 92.27 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยราคาตลาดของถ่านหินที่ลดลง แต่ในช่วงครึ่งแรกปี 52 ราคาตลาดของถ่านหินมีการปรับตัวสูงขึ้น บริษัทมีการโอนกลับรายการค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้า จำนวน 28.65 ล้านบาท และในไตรมาส 3/52 อีกจำนวน 63.62 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 4/52 บริษัทตั้งสำรองเผื่อมูลค่าสินค้าลดลงอีก จำนวน 130.51 ล้านบาทสำหรับถ่านฝุ่น โดยเกณฑ์การตั้งสำรองคำนวณจากการมูลค่าที่จะขายได้ในอนาคตโดยใช้ราคาในปัจจุบันและคิดลดด้วยอัตราคิดลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท
สำหรับกลยุทธ์และแผนงานของ UMS เพื่อที่จะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น บริษัทจะไม่จองอัตราค่าระวางเรือ และ สัญญาขนส่งสินค้าล่วงหน้าที่บริษัทได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะหมดอายุลงในเดือน ก.พ.53
ส่วนสินค้าคงคลังของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 964.24 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค.51 เป็น 1,546.54 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค.52 ซึ่งสินค้าคงคลังส่วนใหญ่เป็นถ่านฝุ่น และบริษัทมีนโยบายที่จะปรับลดปริมาณถ่านฝุ่นในคลังสินค้าลง โดยมีโครงการที่จะดำเนินการเป็นถ่านอัดก้อนเพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายตลาดมากขึ้น โดยในปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งหมด และจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.พ.53 และคาดว่าจะเริ่มผลิตในเดือน มี.ค.53 มีกำลังการผลิตรวมของถ่านอัดก้อนจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 ตัน/เดือน
ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มผลิตและขายถ่านอัดก้อนไปตั้งแต่ปี 52 แล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับที่ดี โดย หากบริษัทขายถ่านอัดก้อนได้โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น บริษัทคาดว่าจะสามารถลดปริมาณถ่านฝุ่นลงสู่ในระดับปกติ